หัวข้อ: ทำไมคนเรามีสีผิวต่างกัน..? เริ่มหัวข้อโดย: Little_Garfield ที่ พฤศจิกายน 03, 2008, 05:10:33 PM ๑) ผิวขาวเผือด เกิดจากการมีความโกรธเบาบาง ไม่ค่อยผูกพยาบาท ทว่า
ขณะเดียวกันก็เมตตาแบบงั้นๆ คือไม่ได้มีความรักเอ็นดูในเพื่อนร่วมทุกข์ทั้งคน และสัตว์สักเท่าไร ๒) ผิวขาวอมชมพู เกิดจากการมีจิตฝักใฝ่ในเมตตาธรรม และเป็นเมตตา ที่ทอรัศมีออก มาจากความเอ็นดูรักใคร่คนและสัตว์อย่างลึกซึ้ง ขอให้สังเกตว่า คนผิวขาวสวย มักมีเนื้อหนังนุ่มแน่นและเนียนละเอียดเหมือนแผ่นหยกด้วย ผู้มี ความสมบูรณ์แบบทางผิวพรรณชนิดไร้ที่ติประเภทนี้ จะสะท้อนอดีตกรรมในปางก่อน คือเต็มเปี่ยมด้วยเมตตาอย่างไร้ที่ติตลอดชีวิต จึงมีกำลังส่งจากกรรมเก่าคุมรูป ให้ขาวสวยอย่างยืดเยื้อยาวนาน แม้พลาดพลั้งทำบาปอกุศลก็ไม่เห็นผลเปลี่ยนแปลงเป็นความเสื่อมโทรมคล้ำหมองของผิวง่ายนัก ๓) ผิวดำขำ เกิดจากการมีเมตตาที่เจืออยู่ด้วยโทสะอ่อนๆ ขอให้นึกถึง คนปากร้ายใจดี ซึ่งก็แยกย่อยได้อีกหลายแบบ ปากร้ายน้อยใจดีมาก ปากร้ายมาก ใจดีน้อย ถ้าปกติใจดีแบบเยือกเย็น ก็จะเป็นตัวกำหนดความเนียนของผิวมาก เป็นพิเศษ ๔) ผิวดำน่าเกลียด เกิดจากการมีแต่โทสะท่าเดียว หาเมตตาทำยายาก ขอให้นึกถึงคนใจร้าย มักโกรธ โกรธง่ายหายช้า คุณจะไม่นึกไม่ออกเลยว่าจิตใจเขา มีความสว่างหรือมีความเย็นกับใครได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าใจร้ายแล้วปากยังพ่น เป็นแต่คำหยาบคาย ชาติถัดมาจะมีผิวพรรณทรามถึงขั้นรู้สึกเป็นปมด้อย หรือกระทั่งเป็นโรคผิวหนังบางอย่างที่ส่งกลิ่นเหม็นผิดปกติ ชำระให้สะอาดหรือประพรมให้หอมได้ยาก ขอให้สังเกตว่าบางคนทั้งผิวทั้งกลิ่นปากจะน่ารังเกียจควบคู่กัน นั่นก็เพราะกรรมทางวาจาบางอย่างมีวิบากแรง แสดงผลทั้งทางผิวหนังและกลิ่นปากอย่างชัดเจน นอกจากนี้ แม้หันมาใฝ่ใจทำทานรักษาศีล ก็อาจต้องใช้เวลา หรือต้องใช้กำลังใจ มากหน่อย ผิวพรรณจึงจะดูเปล่งปลั่งขึ้นได้ด้วยรัศมีบุญใหม่ ๕) ผิวไม่ดำไม่ขาว ไม่งามไม่น่าเกลียด คือเป็นกลางๆ เกิดจากการมีเมตตาและพยาบาทในแบบที่คาดเดาได้ เรียกว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรก็ใจดีใจร้ายตามกระแสโลกไปเรื่อย ไม่มีการควบคุมตัวเอง ไม่มีหลักการใดเป็นพิเศษ เช่น ถ้าโดนด่าแรงๆก็จะโกรธแรงและผูกใจเจ็บแรง พอเขามาง้อหรือขอโทษก็ค่อยอโหสิให้ แตกต่างจากพวกใจดี ที่แม้โดนเล่นงานก่อนก็ทำใจอภัยได้เอง โดยไม่ต้องมีใครมาขอโทษ แล้วก็แตกต่างจากพวกใจร้าย ที่แม้ใครทำดีให้ก็อาจหมั่นไส้ จับผิดเพ่งโทษได้ สำหรับผิวเป็นกลางๆนี้ก็คือคนทั่วไปในระดับเฉลี่ย แปรปรวนตามกรรมใหม่ง่าย คือถ้าทำบาปมากๆผิวอาจแปรเป็นหมองคล้ำอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าทำบุญใหญ่ๆผิวอาจผุดผาดขึ้นทันตา นอกจากนี้ยังอาจมีกรณียกเว้นที่ไม่เข้าข่ายข้างต้น เช่นบางคนมีผิวดำสนิท ทั้งที่จิตใจดีงามมาก ไม่มีเค้าเลยว่าจะเคยเป็นพวกเจ้าโทสะ นั่นเป็นเพราะอดีตชาติเคยเห็นแล้วชอบใจในผิวสีแบบนั้น เป็นกรรมทางใจที่ส่งให้ไปเสวยภพของคนผิวดำสนิทได้เหมือนกัน พูดง่ายๆคือโลภะพาไป และในทางตรงข้าม หากชอบให้ของ ชอบให้อภัย ชอบช่วยคน มีความโลภน้อยยิ่ง ถึงแม้ขี้หงุดหงิดขึ้งเคียดเก่งก็อาจจะยังมีบุญฝ่ายขาวคุ้มผิวให้ขาวได้อยู่ อีกพวกคือไม่ได้เจ้าโทสะ แต่จมปลักอยู่กับความหม่นหมองเศร้าสร้อย เป็นนิตย์ อันนี้ก็มีสิทธิ์เกิดเป็นคนผิวดำคล้ำหมองไม่น่าดูได้เหมือนกัน พูดง่ายๆคือโมหะพาไป และในทางตรงข้าม หากฝึกที่จะมีสติตื่นตัวสดใส เป็นอยู่ด้วยความกระตือรือร้น เกิดปัญหาแล้วใช้ปัญญามากกว่าอารมณ์ อันนี้แม้อารมณ์บูดอยู่เรื่อยๆ ก็ไม่ถึงขั้นทำให้ผิวพรรณหยาบกร้านนัก ขอตั้งข้อสังเกตอีกแง่หนึ่ง คือการบำรุงผิวและการรู้จักเคล็ดลับออกกำลังกายให้เลือดลมเดินดี อาจทำให้ผิวงามขึ้น แต่จะขาดรัศมีหรือกระแสทางใจที่ก่อให้เกิดความรู้สึกด้านดี คล้ายคุณเห็นหุ่นขี้ผึ้งของยอดฝีมือไร้ที่ติ พอสัมผัสใกล้ชิดก็รู้สึกว่าขาดชีวิตจิตใจ แห้งแล้ง ไม่ชุ่มชื่น แตกต่างจากความงามที่เปล่งออกมาจากแรงบุญ ซึ่งชวนให้เกิดความชื่นใจ รู้สึกมีชีวิตชีวาได้ยิ่งกว่ากันมาก (หยิบยกมาจาก เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ของดังตฤณ) |