หัวข้อ: บาป คืออะไร? บุญ คืออะไร? อย่าเพิ่งแน่ใจนะว่า สิ่งที่คุณรู้มานั้นถูกต้อง เริ่มหัวข้อโดย: phonsakw ที่ มิถุนายน 10, 2012, 12:00:26 PM บาป คืออะไร? บุญ คืออะไร?
บาป...คือ การกระทำทางใจด้วยจิตเจตนาอกุศล แล้วส่งผ่านมาทางกายและวาจาให้ดำเนินการ บุญ....คือ การกระทำทางใจด้วยจิตเจตนาเป็นกุศล และส่งผ่านมาทางกายและวาจาให้ดำเนินการ พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จด้วยใจ" พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสว่า "กายและวาจาเป็นใหญ่ กายและวาจาเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จด้วยกายและวาจาแต่อย่างใด" เจตนาของใจเป็นผู้กำหนดว่า สิ่งใดเป็นบุญหรือเป็นบาป ด้วยเหตุนี้ สิ่งใดจะเป็นบุญหรือบาป อยู่ที่ใจเป็นกุศลหรือเป็นอกุศลตอนกระทำสิ่งนั้น พระเวสสันดร ปากของท่านโคตรขั่วเลย ยกลูกเมียให้เป็นทาสคนอื่น แต่ใจของท่านคิดเสียสละสิ่งที่ตนเองรักที่สุด เพื่อให้เกิดมหากุศลที่พอเพียงเพื่อเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ช่วยมนุษย์ เทพ พรหม ยักษ์ และสรรพจิต ให้พ้นทุกข์ ถ้าท่านไม่เข้าใจเรื่องนี้ ท่านก็ยังไม่รู้ว่า อะไรคือ "บุญ" อะไร คือ "บาป" บททำสอบความเข้าใจเรื่องบุญและบาปที่ถูกต้อง พ่อของคุณเจ็บป่วยหนักด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ตาย 100 % แน่นอน แต่ถ้าคุณผู้เป็นลูก สั่งไม่ให้แพทย์ถอดเครื่องช่วยชีวิตออก พ่อของคุณจะอยู่อย่างทุกข์ทรมานที่สุดไปได้อีก 1 เดือน แต่ถ้าคุณผู้เป็นลูก สั่งให้แพทย์ถอดเครื่องช่วยชีวิตออก พ่อของคุณจะพ้นทุกข์ทรมานอันนั้น ตายในวันนั้นเลย ผู้ที่โดนมารหลอก จะคิดว่าการสั่งให้แพทย์ถอดเครื่องช่วยชีวิตออก กระทำครั้งนี้ของคุณเป็นอนันตริยกรรม เป็นบาปที่หนักที่สุด โดยไม่รู้ว่าบาปนั้นมาจากไหน และจะเป็นบาปได้ยังไรกัน ส่วนผู้ที่เข้าใจพุทธศาสนา จะรู้ว่าบุญคือ เจตนาทางใจที่ทำด้วยความรัก เมตตา กรุณา และการเสียสละ ไม่เห็นแก่ตัวเอง บาปคือ เจตนาทางใจที่ทำด้วยจิตอกุศล เห็นแก่ตัวเองและพวกพ้อง ด้วยเหตุนี้ การสั่งให้แพทย์ถอดเครื่องช่วยชีวิตออก กระทำครั้งนี้ของคุณเป็นจึงเป็นมหากุศล เพราะแม้สิ่งที่เรียกว่าเป็นอนันตริยกรรม(บาปหนักที่สุด) คุณยังกล้าทำได้ ถือว่าเป็นการเสียสละตัวเองเพื่อเห็นแก่ความรัก ความเมตตาสงสารบิดาที่กำลังทุกทรมานอย่างหนักอยู่ ใครที่บอกว่าเป็นบาปเป็นอนันตริยกรรม ต้องตอบให้ได้ว่า มันเป็นบาปได้อย่างไร บาปคืออะไร ที่มาของบาปมายังไง เพราะผมเห็นแต่ จิตของลูกคนนี้มีแต่กุศลทั้งนั้น แต่ไอ้ลูกระยำ มันจะไม่ยอมเสียสละตนเอง แม่งจะจ่ายเงินเพื่อทรมานพ่อของมันไปอีก 1 เดือน สรุป พระพุทธองค์ตรัสว่า "เจตนาหัง ภิกขเว กัมมัง วทามิ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่าเจตนาคือกรรม" แล้วเจตนาที่จะเป็นบาปกรรม คือ เจตนาทางใจที่เป็นอกุศลและกระทำการลงไป เพราะพระพุทธองค์ตรัสด้วยว่า " ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จด้วยใจ " หัวข้อ: Re: บาป คืออะไร? บุญ คืออะไร? อย่าเพิ่งแน่ใจนะว่า สิ่งที่คุณรู้มานั้นถูกต้อง เริ่มหัวข้อโดย: phonsakw ที่ มิถุนายน 10, 2012, 02:31:15 PM อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ รัศมีธรรม ขออนญาตออกความเห็นนะคะ พระเวสสันดรเป็นชาติเกิดของบุคคลผู้หนึ่งที่สร้างคุณความดีมาเนื่นนาน สะสมบารมีมาจนเรียกได้ว่าบารมีเต็มแล้ว ในชาติที่เกิดเป็นพระเวสสันดรนั้น มนุษย์อย่างเราๆ เทียบไม่ได้แม้เพียงเศษเสี้ยวธุลีแห่งคุณงามความดีของท่าน การที่คุณกล่าวในข้อความว่า "พระเวสสันดร ปากของท่านโคตรขั่วเลย" จึงไม่เป็นการบังควรและไม่เหมาะสมอย่างยิ่งด้วยประการทั้งปวง แม้ว่ามีเจตนาดี แต่ก็ควรต้องคำนึงถึงเรื่องความถูกต้องเหมาะสมและการนำเสนอข้อมูลต่อสาธารณชนอยู่นั่นเอง (ไม่ได้มีเจตนาจะโต้เถึยงแต่อย่างใด ต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ) ตอบ ผมจะเลือกเขียนภาษาสละสลวยอย่างใดก็ได้ แต่ถ้าผมเขียนอย่างนั้น คุณรัศมีธรรมจะเกิดความเร้าใจ ลงมาตอบโต้กับผมไหมล่ะ ผมจึงเลือกเขียนภาษาวิบัติ เพื่อจะให้คุณได้เข้าใจธรรมะของพระพุทธองค์ได้แจ่มชัดยิ่งขึ้น ขอให้กฎแห่งกรรมเป็นผู้ตัดสินผมเถอะ คุณยังจิตไม่สูงพอที่จะตัดสินผม เมื่อไรที่คุณเข้าใจคำสอนของพระพุทธองค์ที่ตรัสว่า "ฆ่าแม่ของเธอ แล้วเธอจะบรรลุอรหันต์" หรือ "เจอพระพุทธเจ้าให้ฆ่าทิ้งเสีย" ตอนนั้นคุณค่อยมาตัดสินผมดีกว่า อ้างอิง: ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ rinchang เข้าใจความพยายามนะ คุณ จขกท แต่บทความคุณมันดูเพี้ยนจัง ว่าแต่เข้าใจคำว่า "ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จด้วยใจ" จริง ๆ หรือเปล่าหล่ะ มันดูเหมือนเข้าใจศาสนาพุทธแบบหลอน ๆ ไงไม่รู้ ตอบ ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จด้วยใจ ถ้าคนมีใจดี ก็จะพูดดี หรือทำดีตามไปด้วย เพราะความดีนั้นสุขย่อมติดตามเขาไปเหมือนเงาติดตามตัว อ้างอิง ขุ.ธ.(ไทย)๒๕/๒/๒๔ "สิ่งทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน สำเร็จแล้วด้วยใจ ถ้าใจผู้บงการได้รับการอบรมดี ความประพฤติการงานทุกด้าน ย่อมดีไปตามๆกัน ถ้าใจชั่วเพราะขาดการอบรม สิ่งที่ใจเป็นผู้พาดำเนินย่อมเหลวไปตามๆกัน" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ) สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “ ใ จ เ ป็ น ใ ห ญ่ ใ จ เ ป็ น ป ร ะ ธ า น ทุ ก สิ่ ง ส ำ เ ร็ จ ด้ ว ย ใ จ ” และขอให้พสกนิกรเป็นผู้คิดดี ไม่มุ่งร้ายผู้อื่น ห่างไกลกิเลส ย่อมทำให้พ่อหลวงมีความสุข สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระดำรัสถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาวันที่ 5 ธันวาคม พระพุทธศักราช 2553 ใจความว่า “พระพุทธภาษิตบทหนึ่ง ซึ่งเป็นพระพุทธพรสำคัญ พึงอัญเชิญไว้เหนือเศียรเกล้า เพื่อปกปักรักษาชีวิตให้สวัสดี มีความร่มเย็นเป็นสุข แม้กำลังอยู่ในท่ามกลางโลกที่ร้อนแรงเช่นในปัจจุบัน พระพุทธภาษิต หรือ พระพุทธพร บทนั้นมีความว่า “ ใ จ เ ป็ น ใ ห ญ่ ใ จ เ ป็ น ป ร ะ ธ า น ทุ ก สิ่ ง ส ำ เร็ จ ด้ ว ย ใ จ ” และ “ ใ จข อ ง เ ร า มี ค่ า สู ง สุ ด ไ ม่ พึ ง น ำ ไ ป แ ล ก กั บ สิ่ ง ใ ด ทั้ ง สิ้ น “ พระพุทธภาษิต บทนี้เป็นพระพุทธพรที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง |