หัวข้อ: พระมหาปชาบดีโคตถวายผ้าจีวรให้พระพุทธเจ้า แต่ท่านไม่ทรงรับ คือจุดเริ่มของการถวายสังฆทาน เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ มิถุนายน 16, 2013, 05:33:28 AM พระมหาโมคคัลลานะเถระ พบพระพุทธเจ้า ในจักรวาลอื่น
เหตุการณ์เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล เมื่อพระมหาปชาบดีโคตมี ซึ่งเป็นพระน้านางแห่งองค์สมเด็จศรีศากยะมุนึสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระทัยชื่นชมโสมนัสยินดี ได้จัดทำผ้าเนื้อละเอียดมีค่ามาก ด้วยวิริยะอุตสาหะอันยิ่งใหญ่ ด้วยน้ำพระทัยเจาะจงถวายแด่องค์สมเด็จพระศาสดา แต่เมื่อได้ นำผ้านั้นมาน้อมถวาย พระองค์ไม่ยอมรับ เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ผันผายหันไปจะถวายแด่องค์อัรคสาวกทั้งสอง แต่ทั้งพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ ก็ไม่รับเช่นกัน ดังนั้นพระนางก็น้อมถวายแด่พระเถรานุเถระพระสงฆ์องค์อรหันต์ทั้งหลาย แต่ก็ไม่มีท่านผู้ใดรับผ้านั้น จวบจนกระทั่งถึงภิกษุใหม่รูปหนึ่ง นามว่า "อชิตะ" พระอชิตะนั้นนั่งอยู่ข้างท้ายปลายแถว ในที่สุด ท่านก็รับผ้านั้น สร้างความเสียพระทัยให้แก่พระนางเป็นอันมาก น้ำพระเนตานองหน้า หากแม้ว่า พระพุทธองค์ไม่ทรงรับ แต่องค์อัคสาวกทั้งสองท่านใดท่านหนึ่งรั บ ก็คงจะสมพระทัยอยู่ไม่น้อย แต่นี่กระไร พระภิกษุบวชใหม่ ไม่ได้สำเร็จมรรคผลใด ๆ เป็นผู้รับ พระบรมศาสดา เพื่อจะเปลื้องความกังขาสงสัยในน้ำพระทัยของสมเด็จพระน้านางแห่งพระองค์ที่ได้เคยฟูมฟักรักษาเลี้ยงดูมาตั้งแต่เยาว์วัย จึงได้ทรงอธิษฐานบาตรของพระองค์ให้อัตรธานหายไป แล้วได้ตรัสถามพระภิกษุทั้งหลายว่าท่านผุ้ใดสามารถหาบาตรของตถาคตเจอบ้า ก็เห็นแต่ พระมหาโมคคัลลานะเถระ องค์เดียวที่มีฤทธิ์มาก จึงห่มผ้าเฉลียงบ่าประคองอัญเชิญทูลพระชินศรีบรมศาสตา เพื่อออกแสวงหาบาตรใบนั้น การออกไปหาบาตรของพระเถระนั้น ได้ใช้มหาฤทธานุภาพเป็นอันมาก หลวงปู่ตื้อ อาจารธมฺโม ได้เล่าในการแสดงพระธรรมเทศนาที่วัดอโศการามว่า พระมหาโมคคัลลานะเถระนั้น ต้องใช้ฤทธิ์ของท่านระเบิดวงล้อมแห่งจักรวาลออกไป พระพุทธองค์ได้ตรัสบอกแก่พระมหาโมคคัลลานะเถระว่า "เมื่อท่านออกห่างจากชมพูทวีปไป เมื่อหันมามองดูโลกถ้ามองเห็นโลกเท่าผืนน ของชาวมคธแล้วให้รีบกลับมา หรือไม่หากท่านไปไกลกว่านั้น จนกระทั่งที่สุดเห็นโลกเป็นจุดเล็ก ๆ แล้วให้รีบกลับมา มิฉะนั้นจะหลงไปในจักรวาลอื่น" เมื่อได้กราบทูลลาพระพุทธองค์แล้ว พระเถระก็ออกเดินทางแสวงหาบาตรไปทั่วสากลภิภพ เมื่อพระโมคคัลลานะหันกลับมามองโลก เห็นโลกเล็กมีขนาดเท่าจุดๆหนึ่ง ก็ยังหาบาตรของพระพุทธองค์ไม่พบ จนกระทั่งไกลออกไปจนพ้นเขตจักรวาล การหาบาตรดำเนินไปทั่วสากลจักรวาล จนในที่สุดพระโมคคัลลานะมองเห็นพระรัศมีอันรุ่งเรืองแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้เหาะไปตามพระรัศมีนั้น ณ ดินแดนแห่งนี้เอง มีพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งดำรงอยู่ ขณะนั้น พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น กำลังประทับอยู่ท่ามกลางพระภิกษุสงฆ์เป็นจำนวนมาก พระวรกายของพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ใหญ่โตมาก พระโมคคัลลานะเถระ ได้เหาะเข้ามาในที่ประชุมสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ได้เข้าไปยืนอยู่บนขอบบาตรของพระพุทธเจ้า( แสดงว่าบาตรให้ใหญ่โตมาก สามารถขึ้น ใปยืนอยู่บนขอบบาตรนั้นได้) พร้อมประคองอัญชุลีถวายความเคารพ เมื่อพระภิกษุทั้งหลายเห็นเช่นนั้น ก็ได้กราบทูลพระพุทธเจ้าว่า "นี่คืออะไรหนอ ? รูปร่างเล็ก ๆ " พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นตรัสว่า " ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี่ไม่ใช่อื่นไกลเลย เธอทั้งหลายอย่าได้ประมาท ภิกษุรูปนี้ เป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายแห่งพระสมณโคดมพุทธเจ้าแห่งชมพูทวีป ผู้มีฤทธิ์มาก กำลังแสวงหาบาตรของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นอยู่ แล้วก็หลงเข้าสู่แดนของเรา" จากนั้น พระมหาโมคคัลลานะเถระได้ทูลถามทางที่จะกลับสู่ชมพูทวีป พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นตรัสว่า " ดูกรโมคคัลลานะ เธอจงไปตามพุทธรัศมีแห่งเรา เมื่อพ้นขอบจักรวาลแห่งนั้น เธอก็จะเห็นพุทธรัศมีแห่งพระโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอให้เธอตามพระพุทธรัศมีนั้นไป เธอก็จะสามาถเข้าสู่ชมพูทวีปได้" เหตุการณ์ตอนนี้เองที่คนทั้งหลายกล่าวกันว่า " โมคคัลลาหลงทวีป" คือหลงแดนหาทางกลับไม่ได้นั่นเอง เมื่อได้ฟังพุทธดำรัสแห่งองค์พุทธเจ้าเช่นนั้นแล้ว พระมหาโมคคัลลานะเถระเจ้าก็ได้กราบทูลลาแล้วเหาะออกมา ตามพระพุทธรัศมีแห่งพระพุทธเจ้าองค์นั้น เมื่อพ้นมา ก็เห็นพระพุทธรัศมีแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแห่งเราทั้งหลายจึงเหาะมาตามพระพุทธรัศมี เข้าสู่ชมพูทวีปแล้ว ก็เข้าถวายอภิวาทพระบรมศาสดาทูลว่า "ข้าพระองค์ได้ออกแสวงหาบาตรไปทั่วแดนจักรวาลไม่พบเห็นเลยพระเจ้าข้า" เมื่อพระพุทธองค์ตรัสถามพระภิกษุรูปอื่น ๆ ก็ไม่มีผู้ใด สามารถหาบาตรพบได้ ลำดับนั้น พระสารีบุตร และพระอสีติสาวกทั้งหลาย ก็อาสานำบาตรนั้นกลับคืนมา แต่ก็หาไม่พบ พระผู้มีพระภาคจึงตรัสสั่งพระอชิตะภิกษุว่า “ท่านจงไปนำบาตรของตถาคตมา ” พระอชิตะจึงได้มีดำริว่า ควรจะเป็นอัศจรรย์ยิ่งนักพระโมคคัลลานะและ พระอสีติมหาสาวกนี้ ล้วนเป็นพระอรหันต์มีฤทธาอานุภาพมาก แต่มิอาจนำบาตรมาถวายแด่พระพุทธองค์ได้ อาตมานี้ไซร้ มีจิตอันกิเลสครอบงำอยู่ เหตุไฉน พระบรมศาสดาจึงตรัสสั่งอาตมาให้แสวงหาซึ่งบาตรนั้น จะต้องมีเหตุอันใดอันหนึ่งเป็นมั่นคง จึงรับอาสาที่จะนำบาตรนั้นคืนมา พระอชิตะได้ไปยืนในที่สุดของหมู่บริษัท มองขึ้นไปบนอากาศ แล้วกระทำสัตยาธิษฐานว่า " อาตมาบรรพชาในพระพุทธศาสนา ไม่ได้หวังซึ่งลาภยศทั้งหลาย แต่อาตมาบวชประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อประโยชน์ที่จะตรัสรู้ซึ่งธรรมทั้งปวง อันอาจสามารถรื้อสัตว์โลกให้พ้นจากสงสารทั้งสิ้น หากว่าศีลของอาตมามิขาดทำลายและด่างพร้อยบริสุทธิ์อยู่เป็นอันดี ขอให้บาตรของพระผู้มีพระภาคเจ้าจงมาสถิตในมือของอาตมาด้วยเทอญ" และแล้วบาตรขององค์สมเด็จพระศาสดาก็ตกลงในมือของพระอชิตะ พระพุทธองค์ตรัสว่า อชิตะภิกษุรูปนี้ ไม่ใช่พระธรรมดา แต่เป็นหน่อเนื้อพุทธรางกูรบำเพ็ญบารมีเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าใน อนาคตพระนามว่า " พระศรีอาริยเมตไตรย"ซึ่งจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป สมเด็จพระน้านางประชาบดีโคตมี พระองค์นั้นได้ลาภอันประเสริฐแล้วที่ได้ถวายผ้าแด่พระโพธิสัตว์ผู้เที่ยงแท้ต่อการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ทำให้พระนางมีพระทัยแช่มชื่นเบิกบานยิ่งนัก ประคองอัญชุลีกราบพระบรมศาสดาพระอสิติมหาสาวกทั้งหลายและพระอชิตะ ขอบพระคุณข้อมูลจาก FB คุณ Supani ครับผม |