หัวข้อ: บาปนี่แก้ได้ไหม เริ่มหัวข้อโดย: aomsin201073 ที่ กันยายน 12, 2013, 08:38:13 PM คือแต่ก่อนนี่ เถียงพ่อกับแม่ท่านไว้เยอะเลยค่ะ ก่ะว่าจะทำให้ท่านสบายใจเสัยหน่อย กลับกลายเป็นท่านทุกข์ใจยิ่งกว่าเดิมค่ะ เลยอยากให้ชาวเว็บพุทธกรรมฐาน ช่วยทีนะค่ะ
หัวข้อ: Re: บาปนี่แก้ได้ไหม เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ กันยายน 13, 2013, 09:15:27 AM สิ่งที่ผ่านมาแล้ว เราไปแก้ไขไม่ได้นะครับ ให้เริ่มนับหนึ่งใหม่ดีกว่าครับ
ให้ยอมรับในสิ่งที่เป็นอยู่ แล้วตั้งต้นใหม่ ครับผม ต่อไปนี้ก่อนพูด ควรคิดก่อนว่าสมควรหรือเปล่า มีสติไตร่ตรองดู ด้วยครับ ว่าขณะจิตที่กำลังจะพูดนั้น ไม่มีอารมณ์โกธร หรือขัดเคืองใจปนอยู่ มีแต่ความมเมตตา กรุณาแก่ท่านจริงๆ หรือสิ่งที่ดี ที่สุด ลองฝึกการเจริญสติ ควบคู่ไปด้วยก็ดีครับ การเจริญสติตามหลักสติปัฏฐาน4 ถ้าปฏิบัติได้จะเป็นสิ่งที่ดี และเป็นมงคลแก่ชีวิตมากครับผม หัวข้อ: Re: บาปนี่แก้ได้ไหม เริ่มหัวข้อโดย: the suffering ที่ กันยายน 13, 2013, 10:56:06 PM ขออโหสิกรรม ถ้าเค้าให้ ก็ จบเรื่อง ;D
หัวข้อ: Re: บาปนี่แก้ได้ไหม เริ่มหัวข้อโดย: AVATAR ที่ กันยายน 18, 2013, 12:32:00 AM บาปกรรมที่ทำไปแล้วคงแก้ไม่ได้ครับ แต่ถ้าหนักเป็นเบาก็ต้องอโหสิกรรมให้อภัยกันทั้ง 2 ฝ่าย การผูกอาฆาตพยาบาทจึงจะไม่มีต่อกันอีก หรือที่เค้าเรียกกันว่า เจ้ากรรมนายเวร นั่นแหละครับ นี่เป็นบิดา มารดา ถ้าเราสำนึกผิดขอให้ท่านอโหสิกรรมให้ มีหรือท่านจะไม่ให้อภัยแก่บุตร หาโอกาสสารภาพคุยกับท่านตรงๆว่าทำไมถึงทำอย่างนั้น ด้วยเจตนาเช่นไร ผมเชื่อว่าท่านต้องเข้าใจในเจตนาของคุณและอภัยให้ครับ หัวข้อ: Re: บาปนี่แก้ได้ไหม เริ่มหัวข้อโดย: AVATAR ที่ กรกฎาคม 30, 2014, 02:44:19 PM คำสอนครูบาเจ้าศรีวิชัย...........
..........."เครื่องประดับ ขัติยะ นารีทั้งหลาย มีแก้วแหวนเงินทอง เป็นตัณหากามคุณ เหมือนดั่งน้ำผึ้งแช่ยาพิษ สำหรับนำความทุกข์มาใส่ตัวโดยบ่มีประโยชน์สิ่งใดเลย แม่น้ำคงคา ยมนา อิรวดี มหิ มหาสรพู ซึ่งเป็นแม่น้ำใหญ่ทั้ง 5 แม่น้ำนี้ แม้นจักเอามาอาบให้หมดทั้ง 5 แม่น้ำนี้ ก็บ่ อาจจะล้างบาป คือความเดือดร้อนภายในให้หายได้ ลมฝนลูกเห็บ แม้นจะตกลงมาหลายห่า เย็นและหนาวสักปานใดก็ บ่อาจเย็นเข้าไปถึงภายในให้หายจากความทุกขเวทนาได้ ศีล 5 เป็นอริยทรัพย์ เป็นต้นเหตุแห่งความบริสุทธิ์ เป็นน้ำทิพย์สำหรับล้างบาป คือความเดือดร้อนภายในให้หายได้ เมื่อศีลบริสุทธิ์แล้ว สมาธิ ความตั้งมั่นก็จะมีมา แล้วให้ปลุกปัญญา ปัญญาก็จักเกิดมีขึ้นได้ คือ ให้หมั่นรำลึกถึงตัวตนอยู่เสมอ ว่า บ่ใช่ตัว บ่ใช่ตน จนเห็นแจ้งด้วย ปัญญาของตน จึงเป็นสมุทเฉทประหารกิเลส หมดแล้ว จิตเป็นวิมุติ หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งมวลได้."........................ |