หัวข้อ: ต้นไม้ในพุทธประวัติ : ตาล (Borassus flabellifer L.) เริ่มหัวข้อโดย: samarn ที่ พฤศจิกายน 21, 2008, 04:21:59 PM ตาล (Borassus flabellifer L.)
ตาล หรือที่ชาวฮินดูเรียกว่า ?ตาละ? ตามพุทธประวัติกล่าวว่า ในพรรษาที่สองหลังจากที่พระองค์สำเร็จสัมมา สัมโพธิญาณ ได้เสด็จไปประทับ ณ ลัฏฐิวนุทยาน (ลัฏฐตาล) เพื่อโปรดให้พระเจ้าพิมพิสารราชา แห่งแคว้น มคธรวมทั้งบริวารเข้าเฝ้าแล้วพระเจ้าพิมพิสารได้ทูลเชิญเสด็จให้เข้าประทับในเมืองพร้อมกับถวายพระกระยาหาร เสร็จแล้วได้ถวายเวฬุวนารามแด่พระพุทธเจ้าและพระสงฆ์สาวก ทั้งนี้พระเจ้าพิมพิสารคงจะทรงเห็นว่า ป่าไม้ไผ่นั้นร่มเย็นดีกว่าป่าตาลเป็นแน่ ตาล เป็นพันธุ์ไม้พวกปาล์มขนาดใหญ่ สกุล (Genus) Borassus ในวงศ์ (Family) Palmae เป็นปาล์มที่ ี่แข็งแรงมากชนิดหนึ่ง และเป็นปาล์มที่แยกเพศกันอยู่คนละต้น ต้นสูงถึง 40 เมตร และโตวัดผ่ากลางประมาณ 60 ซม. ลำต้นเป็นเสี้ยนสีดำแข็งมาก แต่ไส้กลางลำต้นอ่อน บริเวณโคนต้นจะมีรากเป็นกลุ่มใหญ่ ใบเหมือนพัดขนาดใหญ่ กว้าง 1 ? 1.5 เมตร มีก้านเป็นทางยาว 1 ? 2 เมตร ขอบของทางของก้านทั้งสองข้าง มีหนามเหมือนฟันเลื่อยสีดำแข็ง ๆ และคมมาก โคนก้านแยกออกจากกันคล้ายคีมเหล็กโอบหุ้มลำต้นไว้ ช่อดอกเพศผู้ใหญ่ รวมกันเป็นกลุ่มคล้ายนิ้วมือ เราเรียกว่านิ้วตาลแต่ละนิ้วยาวประมาณ 40 ซม. และโตวัดผ่า กลางประมาณ 1.5 ? 2 ซม. โคนกลุ่มช่อจะมีก้าน ช่อรวมและมีกาบแข็ง ๆ หลายกาบหุ้มโคนก้านช่ออีกทีหนึ่ง ช่อดอกเพศเมียก็คล้าย ๆ กัน แต่นิ้วจะเป็นปุ่มปม ปุ่มปมคือดอกที่ติดนิ้วตาล ดอกหนึ่ง ๆ โตวัดผ่ากลางประมาณ 2 ซม. และมีกาบแข็ง ๆ หุ้ม แต่ละดอก กาบนี้จะเติบโตไปเป็นหัวจุกลูกตาลอีกทีหนึ่ง ผลกลมหรือรูปทรงกระบอกสั้น ๆ โตวัดผ่ากลางประมาณ 15 ซม. ผลเป็นเส้นใยแข็งเป็นมัน มักมีสีเหลืองแกมดำคล้ำเป็นมันหุ้มห่อเนื้อเยื่อสีเหลืองไว้ภายใน ผลหนึ่ง ๆ จะมีเมล็ดใหญ่แข็ง 1 ? 3 เมล็ด ตาล มีประโยชน์ต่อมนุษย์แทบทุกส่วนนับตั้งแต่ใบ ใบอ่อน ใช้ในการจักสานทำของใช ้และของเล่นสำหรับเด็ก ใบแก่ใช้ทำหลังคากันแดดฝน ท้องใบสดของทางก้านใบ ลอกเอามาขวั้นทำเชือกที่เหนียวดีมาก ส่วนที่เหลือ ใช้ทำเชื้อเพลิง ตาลทั้งเพศผู้เพศเมียที่ยังไม่แก่เต็มที่ จะให้น้ำตาลที่เราเอาไปทำน้ำตาลก้อนหรือน้ำตาลปีบ ลูกตาล ถ้าเป็นลูกอ่อน เราจะเอาส่วนที่ติดขั้วจุกและใจกลางของลูกไปใช้เป็นอาหาร ใช ้แทนผัก ลูกใช้ทำขนมที่เรียกว่า ลูกตาลลอยแก้ว พอผลแก่ เนื้อเยื่อสีเหลืองที่หุ้มเมล็ด ใช้ทำเป็นขนมที่เราเรียกว่า ขนมตาล เมล็ดทิ้งไว้จนมีรากงอก ทิ้งไว้พอควรจะมีเนื้อเยื่อข้างใน เรานำมาเชื่อมทำขนมเราเรียกว่าลูกตาลเชื่อม เปลือกที่หุ้มใช้ทำเชื้อไฟ ซึ่งให้ความ ร้อนสูงมาก ลำต้นใช้ทำกระดาน ทำเสาที่ทนแดดทนฝน และการเสียดสีได้ดีมาก ใช้ทำเครื่องใช้ และเครื่องตกแต่ง บ้านที่มีราคาสูงมาก ใช้ทำเรือขุด ที่เรียกว่า เรืออีโปง ใช้ทำท่อระบายน้ำในพื้นที่ทางเกษตร นับว่าทุกส่วนของตาล ให้ประโยชน์แก่มนุษย์เกินค่าทีเดียว ตาล เป็นพืชดั้งเดิมของทวีปอาฟริกา และขยายแพร่พันธุ์ไปเรื่อย ๆ จนมีทั่วไปในเอเชียเขตร้อนรวมทั้งประเทศไทย ด้วยชอบขึ้นในที่มีน้ำท่วมถึง การขยายพันธุ์ใช้เมล็ดเพาะจะปลูกที่ใดก็เอาเมล็ดไปวางไว้ที่นั้นเลย เพราะถ้าย้ายไปปลูกมักจะไม่รอด เพราะรากแรกที่แทงลงดินของต้นตาลนั้นลึกมาก ถ้ารากนั้นขาดก็จะตายทันที ในภาคกลาง นอกจากเราจะทราบว่ามีต้นตาลตัวผู้ต้นตาลตัวเมียแล้ว ในต้นตาลตัวเมียเรายังมีข้อสังเกตุข้อ แตกต่างได้อีกและเราให้ชื่อว่า ตาลไข่บ้าง ตาลหม้อบ้าง ซึ่งทั้งสองชนิดจะเห็นข้อแตกต่างชัดเจนเมื่อเป็นผล ตาลไข่นั้นลูกเล็ก สีเหลืองตลอดผิวผล และมีประเป็นจุด ๆ สีดำทั่วไป เนื้อเยื่อจะมีความชื้นมาก ให้แป้งน้อย ส่วนตาลหม้อลูกใหญ่บางทียาวถึง 30 ซม. และโตวัดผ่ากลางถึง 23 ซม. ผิวผลดำสนิทมีสีเหลืองเล็กน้อย บริเวณก้นผลเท่านั้น เยื่อมีความชื้นน้อยและให้แป้งมาก นอกจากนี้ตาลยังมีชื่อเรียกต่าง ๆ กันไปตามท้องที่เช่น ตะนอด ตาลโตนด ตาลใหญ่ ตาล ทอถู ทะเนา ห้าง และโหนด เป็นต้น (http://i233.photobucket.com/albums/ee89/micsci/multiply/pok-pud.jpg) |