หัวข้อ: กำหนดการและแนวทางการเตรียมงานถวายเพลิงสรีระสังขาร องค์หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ สิงหาคม 02, 2016, 09:15:33 AM (http://www.kammatan.com/th/wp-content/uploads/2016/08/luangpor_prasit.jpg)
กำหนดการและแนวทางการเตรียมงานถวายเพลิงสรีระสังขาร องค์หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร ณ วัดถ้ำสหายธรรมจันทร์นิมิตร อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี แนวปฏิบัติที่องค์หลวงพ่อจันทร์เรียน คุณวโร เมตตาชี้แนะให้คณะทำงานถวายเพลิงองค์หลวงพ่อประสิทธ์ โดยองค์หลวงพ่อจันทร์เรียนท่านเป็นแม่งานทั้งหมดดังนี้ วันเสาร์ที่๖สิงหาคม๒๕๕๙ -เคลื่อนสรีระสังขารองค์ หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร ขึ้นสู่จิตกานธาน วันอาทิตย์ที่๗ สิงหาคม ๒๕๕๙ ๑๓:๐๐ เริมพิธี ถวายเพลิง -วางดอกไม้ -ถวายเพลิงจริง วันจันทร์ที่๘ สิงหาคม ๒๕๕๙ -เก็บอัฐิธาตุ -เสร็จพิธี หมายเหตุ; -ไม่มีการสวดอภิธรรม หากจะมีแต่การทำวัตรสวดมนต์ นั่งสมาธิภาวนาเท่านั้น -ไม่มีการจัดตั้งโรงทาน หากจะมีแต่โรงครัวกลาง ไว้เท่านั้น และสามารถนำสิ่งของเข้าโรงครัวกลางได้ -ไม่มีการออกฏีกานิมนต์พระ หากแต่อยู่ที่ความประสงค์ของครูบาอาจารย์องค์นั้นๆว่าจะมาหรือไม่มาก็ตามอัธยาศัย -สถานที่ค่อนข้างไม่สะดวกแก่การจราจร อันนี้ต้องพิจารณาก่อนว่าจะปรับพื้นที่ไหนอย่างไร หัวข้อ: Re: กำหนดการและแนวทางการเตรียมงานถวายเพลิงสรีระสังขาร องค์หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ สิงหาคม 02, 2016, 09:16:25 AM (http://www.kammatan.com/th/wp-content/uploads/2016/08/luangpor_prasit2.jpg)
พระอาจารย์ประสิทธิ์ ปุญญมากโร วัดป่าหมู่ใหม่ ต.แม่แตง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร ท่านบอก หลังออกพรรษาปีพุทธศักราช ๒๕๑๙ ท่านพระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร วัดถ้ำสหายจันทร์นิมิต จังหวัดอุดรธานี กับท่านพระอาจารย์สมศรี อัตตสิริ วัดป่าเวฬุวนาราม (วัดป่าผาน้อย) จังหวัดเลย พากันกราบลาท่านกลับมาเมืองเลยเพื่ออุปัฏฐากดูแลหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ท่านบอก หลังจากท่านพระอาจารย์จันทร์เรียนกับท่านพระอาจารย์สมศรี ออกจากโป่งเดือดไปได้ไม่นาน ท่านก็ออกจากโป่งเดือดเที่ยววิเวกไป ในเขตอำเภอแม่แตง อำเภอพร้าว และเขตอำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ท่านบอก เราไปภาวนาที่บ้านแม่หลอด บ้านปางช้าง บ้านปางกึ๊ด ไปอยู่กับอาจารย์เปลี่ยน บ้านปง (ท่านพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดป่าอรัญวิเวก) ระยะหนึ่ง ออกจากแม่แตงเราไปเที่ยววิเวกทางเมืองพร้าว ไปภาวนาอยู่ทางถ้ำดอกคำ ออกจากถ้ำดอกคำไปเที่ยววิเวกบ้านโหล่งขอด ออกจากบ้านโหล่งขอดเราก็ขึ้นเขาไปพักอยู่ “บ้านมูเซอร์ป่ายาง” เขตรอยต่ออำเภอแม่สรวย กับ อำเภอพร้าว บ้านมูเซอร์ป่ายางตอนเราไปจำพรรษาปีพุทธศักราช ๒๕๒๐ มีบ้านไม่ถึงสิบหลังคาเรือน ปัจจุบันบ้านมูเซอร์ป่ายางไม่มีแล้ว ทางราชการให้ชาวมูเซอร์ป่ายางย้ายลงไปอยู่รวมกันกับ บ้านมูเซอร์น้ำขุ่น อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย.. ท่านบอก ปี ๒๕๒๐ เราจำพรรษาองค์เดียวอยู่บ้านมูเซอร์ป่ายาง ใจเราตอนนั้นอยากอยู่ลำพังผู้เดียว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร ใจเราหวังทำลาย “กามคุณ” ออกจากจิตใจของตนเอง ท่านว่า ยากลำบากที่สุดในการปฏิบัติมันอยู่ที่ด่านกามคุณนี่แหละ ด่านกามคุณเป็นป่าใหญ่ไพรหนาของกิเลสที่มากด้วยขวากหนามอันแหลมคม กามจะตาย กายจะแตก ก็เห็นกันตรงนี้แหละ กามคุณมันครองจิตใจสัตว์โลกมานานนับมหาอนันต์ชาติ การที่จะถอนกามคุณออกไปจากจิตใจในวันหนึ่งวันเดียว ปีหนึ่งปีเดียวนั้น มันเป็นไปได้ยากมาก กามกิเลสฤทธิ์เดชมันแพรวพราว พอเรารุกมันจะหลบให้เราลืมตัว เผลอสติเมื่อไหร่มันจะตีกลับใส่ทันที นักปฏิบัติเสื่อมฤทธิ์เสื่อมฌานเพราะกามคุณนี้มีมากต่อมากให้ได้เห็น ท่านบอก ปีนี้เราปฏิบัติเดินจงกรมภาวนาอย่างดุเดือดเพื่อหวังละกามคุณ แต่เอามันไม่ลงในพรรษา ออกพรรษาปี ๒๕๒๐ เราก็ไม่ละความเพียร เดินจงกรมภาวนาทั้งกลางวันกลางคืน เดินจงกรมวันยันรุ่ง นั่งภาวนาวันยันรุ่งจนก้นปวดแสบปวดร้อน ผู้ปฏิบัติพอจิตหมุนธรรมจักรแล้วถึงกายจะพัก ปัญญามหาธรรมมันจะไม่ผ่อนตาม สติปัญญามันจะหมุนสู้กันอยู่ภายใน ทุกอย่างมันจะดุเดือดไปหมด ท่านบอก หลังออกพรรษาปี ๒๕๒๐ ได้ไม่นาน จิตเราก็ขาดจาก “กามคุณ” เมื่อเวลาประมาณห้าโมงเย็นของเดือนตุลาคม ปี ๒๕๒๐ ที่บ้านมูเซอร์ป่ายาง อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ท่านบอก พอมหาสติมหาปัญญาถอนกามคุณออกไปจากจิตใจได้แล้ว จิตรวมใหญ่อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่ไหนแต่ไรในชั้นต่างๆ ที่ผ่านมาเวลาจิตรวมว่าสว่างแจ้งแล้ว จิตในชั้น “อนาคามี” จะสว่างใสกว่าชั้นต่างๆ ที่เราเคยผ่านมา จิตผู้เป็น “พระอนาคามี” จะไม่มีอุปาทานยึดมั่นถือมั่นในหญิงชายให้มัวหมอง ทุกอย่างโล่งลางจางปางไม่มีอุปาทานให้หลงมั่นถือมั่นในกามคุณ ผู้บันทึกถาม - ตอนหลวงพ่อบรรลุธรรมพ้นจากกาม หลวงพ่อบรรลุธรรมในอิริยาบถไหน หลวงพ่อประสิทธิ์ - ในอิริยาบถนั่ง ผู้บันทึกถาม - ตอนนั้นหลวงพ่อหันหน้าไปทางทิศไหน หลวงพ่อประสิทธิ์ - เราหันหน้าไปทางอำเภอแม่สรวย ท่านบอก - วันนั้นเราเดินจงกรมพิจารณาในธรรมทั้งวัน ตอนอยู่ในทางจงกรมเหมือนปัญญามันจะเข่นฆ่ากามคุณให้ตายคาทางเดินจงกรมได้ สติปัญญาเราเอามันบ่ลง กิเลสตัวนี้มันแหลมคมในชั้นเชิงมาก สติปัญญาเราตอนนั้นยังมีกำลังบ่พอ หลังเดินจงกรมเหนื่อยแล้วเรามานั่งภาวนาพิจารณาธรรมอยู่ระเบียงกระท่อมที่พัก เราพิจารณาเข้าออกในธรรมหลายๆ รอบจนเห็นอุปาทานกามคุณ พอเราจับเงื่อนมันได้ มหาสติมหาปัญญาเข้าพิจารณาในธรรมนั้นทันที ลุยกันปานสงครามโลก จิตเห็นโทษเห็นทุกข์ในกามคุณ จิตเราขาดสะบั้นกันกับกามคุณเวลาประมาณห้าโมงเย็น เดือนตุลาคม ปี ๒๕๒๐ พอธรรมแจ้งแก่ใจของตนเองแล้ว เราลืมตาขึ้นมาอีกที เป็นเวลาพระอาทิตย์กำลังจะลับเหลี่ยมภูเขาทางฝั่งแม่สรวย เชียงราย.. ผู้บันทึกถาม - จากเหตุการณ์หลวงพ่อบรรลุภูมิธรรมอนาคามี จนถึงบรรลุธรรมธาตุเป็นอรหันต์นี้ เหตุการณ์ทั้งสองมันต่อเนื่องกันในปีนั้นหรือไม่ หลวงพ่อประสิทธิ์ - บ่ มันเว้นช่วงข้ามปีกันอยู่ มันมาแล้วทั้งเบิ่ดในปีต่อมา ผู้บันทึกถาม - หลวงพ่อใช้เวลานานมั๊ยในการถอนกามคุณออกไปจากจิตใจ หลวงพ่อประสิทธิ์ - หลวงพ่อใช้เวลาทั้งหมดนับตั้งแต่วันที่บวชมา แต่มันละกันไม่ได้ซักที จนมันมาจบกันที่บ้านมูเซอร์ป่ายาง ผู้บันทึก - หลวงพ่อจำวันเวลาที่ตนเองเอาชนะกามคุณบรรลุธรรมอนาคามีได้ไหม หลวงพ่อประสิทธิ์ - วันที่หลวงพ่อจำบ่ได้ จำได้แต่ว่าเป็นเดือนตุลาคม ตอนออกพรรษาแล้วใหม่ๆ เวลาก็กะเอาว่าประมาณห้าโมงเย็น เพราะหลวงพ่อบ่มีนาฬิกาดู ทุกวันนี้หลวงพ่อก็บ่เคยพกนาฬิกา หลวงพ่อเอานาฬิกาธรรมชาติว่า เอานาฬิกาในจิตว่า ผู้บันทึก - วันที่ประมาณได้ไหมว่าวันที่เท่าไร ต้นเดือน กลางเดือน ท้ายเดือนตุลาคม หลวงพ่อประสิทธิ์ - มันยังบ่ถึงกลางเดือนดี ประมาณวันที่สิบกว่านี่แหละ ภายหลังต่อมา หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร ท่านเปิดสมุดบันทึกเล่มสีดำที่องค์ท่านจดบันทึกเอาไว้ให้ดู วันที่องค์ท่านถอน “กามคุณ” ออกจากจิตใจของตนเอง คือ วันที่ ๑๒ ตุลาคม ปีพุทธศักราช ๒๕๒๐ วันที่องค์ท่านหลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร บรรลุ “ธรรมธาตุ” สำเร็จมรรคผลเป็น “พระอรหันต์” คือ วันเพ็ญเดือนหก ปีพุทธศักราช ๒๕๒๑ ขึ้นเขาเผากิเลส บันทึกโดย อดีตครูบากล้วย - พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท หัวข้อ: Re: กำหนดการและแนวทางการเตรียมงานถวายเพลิงสรีระสังขาร องค์หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ สิงหาคม 10, 2016, 04:23:57 PM (http://www.kammatan.com/th/wp-content/uploads/2016/08/luangpor_prasit2.jpg)
ถิ่นกำเนิด-ชาติสกุล หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญฺญมากโร เกิดที่บ้านหนองบัวบาน ตำบลหนองบัวบาน อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๕ มีนาคม พ.ศ.๒๔๘๔ บิดาชื่อ พ่อสนธิ์ มารดาชื่อแม่มุก นามสกุล สิมมะลี มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๗ คน เป็นชาย และหญิง ๔ คน ดังนี้ ๑. นางสาวเสรี สิมมะลี ถึงแก่กรรมเมื่ออายุ ๒๕ ปี ๒. หลวงพ่อประสิทธิ์ ปญฺญมากโร อายุ ๖๖ ปี (พ.ศ.๒๕๔๙) ๓. นายยสมคิด สิมมะลี ถึงแก่กรรมเมื่ออายุ ๓๖ ปี ๔. นายสวัสดิ์ สิมมะลี มีชีวิตอยู่ อายุ ๖๒ ปี ๕. เด็กหญิงเสาร์ศักดิ์มน สิมมะลี ถึงแก่กรรมเมื่ออายุ ๗ ปี ๖. นางทองใส คุนุ มีชีวิตอยู่ อายุ ๕๔ ปี ๗. นางสาวหนูพวน สิมมะลี ถึงแก่กรรมเมื่ออายุ ๒๘ ปี ชีวิตในวัยเด็ก หลวงพ่อประสิทธิ์ เท่ากับเป็นลูกชายคนโตของครอบครัว เมื่อมีอายุ ๗ ปี ได้เข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนประชาบาล บ้านหนองบัวบาน ตำบลหนองบัวบาน อำเภอหนองวัวซอ สอบไล่ได้ตำแหน่งที่ ๑ หรือ ที่ ๒ เป็นประจำทุกปี ตลอดจนจบชั้นประถมปีที่ ๔ พอจบชั้นประถมแล้ว ครูใหญ่ชื่อ “ปรีชา” ให้ไปเรียนต่อที่โรงเรียนมัธยมพิทยานุกุล ในตัวจังหวัดอุดรธานี หลวงพ่อได้ถามบิดาว่า “ จะเรียนดีหรือไม่เรียนดี” และเมื่อบิดาบอกว่ “ทำไร่ทำนาดีกว่า สบายใจดี” หลวงพ่อฯ จึงตัดสินใจช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนา หลวงพ่อประสิทธิ์ เมื่อเยาว์วัย จึงเป็นแรงสำคัญช่วยงานบิดา มารดา อย่างเต็มความสามารถ ตั้งแต่ยังเรียนหนังสือชั้นประถม จนเช้าสู่วัยหนุ่มอายุ ๑๙ ปี จึงเกิดความคิดอยากเข้าวัด เนื่องจากวัดป่านิโครธาราม ของหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ อยู่ใกล้บ้าน ท่านได้ทบทวนชีวิตฆราวาส ผ่านมาได้ช่วยบิดามารดามา จนเป็นที่พอใจแล้ว ฐานะทางครอบครัวก็พอดีๆ ไม่รวยและไม่จน และพี่น้องต่างก็โต พอจะช่วยงานของครอบครัว พ่อแม่ได้แล้ว หลวงพ่อท่านคิดว่า ได้เกิดมาใช้หนี้บุญคุณพ่อแม่พอที่ได้อาศัย ท่านมาเกิดในชาตินี้แล้ว จึงคิดมองหา เส้นทางจิต ที่คิด ไม่อยากกลับมาเกิดเป็นหนี้ภพชาติอีกต่อไป โดยเกิดศรัทธาปัญญาในทางพระพุทธศาสนา คิดจะบวชไม่มีกำหนดตลอดชีวิต หวังอยู่ปฏิบัติ ตนเพื่อหลุดพ้น ความเกิดจนถึงอมตะพระนิพพาน บรรพชาและอุปสมบท ต่อมาครอบครัว ได้พาหลวงพ่อเข้าไปฝากตัวกับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๓ เวลา ๑๙.๐๐ น. และได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๓ ณ วัดโพธสมภรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี โดยมีพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล ) เป็นพระอุปัชฌาย์ ครั้นเมื่ออายุครบ ๒๐ ปี พ.ศ.๒๕๐๔ จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี ในวันที่ ๑ มิถุนายน โดยมีพระธรรมเจดีย์ (หลวงปู่จูม พันธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูอุดรคณานุศาสน์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ปัจจุบัน พ.ศ. ๒๕๕๒ หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญฺญมากโร เจ้าอาวาสวัดป่าหมู่ใหม่ มีอายุ ๖๙ ปี พรรษา ๔๙ คำบอกเล่าจากลูกศิษย์ หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญมากโร วัดป่าหมู่ใหม่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ศิษยในองค์หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ และ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ท่านเป็นพระในจำนวนไม่กี่องค์ที่ผมเคยสัมผัสเองและมั่นใจว่าท่านเป็นผู้ทรงคุณธรรมส่วนจะขั้นไหนผมคงมิบังอาจคาดเดาในตัวท่าน เคยมีพระรูปหนึ่งกล่าวว่า “ลองไปกราบหลวงพ่อประสิทธิ์ดูแล้วจะคิดเหมือนเราว่าท่านเป็นพระอรหันต์” หลังจากที่ได้ไปกราบและได้รู้จักลูกศิษย์ฆราวาสที่ติดตามใกล้ชิดท่านจึงมั่นใจในคำพูดของพระรูปนั้นจริงๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาท่านไม่เคยตำหนิหรือกล่าวว่าผู้ใดเลย สมดังที่หลวงปู่ดู่ วัดสะแกว่า “คนดีเขาไม่ตีใคร” ใครบางคนอาจจะว่าก็แค่นี้แต่ผมว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่จะไม่ตำหนิใครเลยแม้แต่คนที่เรามั่นใจว่าแย่มาก ท่านก็ไม่ตำหนิ ถ้าเราไปว่าใครให้ท่านฟัง ท่านจะเงียบหรือไม่บางก็พูดช่วยให้คนๆนั้น นี้คือที่ท่านทำมาตลอดหลายสิบปี ผู้มักน้อยสมควรแก่สมณะธรรม เคยมีบริษัทเคื่องดื่มมึนเมาบริษัทหนึ่งเข้าไปกราบท่านแล้วถวายเช็ค 10,000,000 บาท พิมพ์ไม่ผิดครับสิบล้านจริงๆเข้าไปถวายแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเข้าไปถวายเพราะศรัทธาจริงๆ แต่พอหลวงพ่อรับเช็คดูยอดเงินท่านก็ยื่นเช็คคืนพร้อม กล่าวเรียบๆว่า “ตอนนี้วัดไม่มีอะไรต้องใช้” และก็ไม่เอาจริงๆ หรือแม้แต่ ท่านพระอาจารย์อุทัย (ติ๊ก) ฌานุตฺตโม ขอโอกาสสร้างโบสถ์ถวายท่านขอเพียงหลวงพ่อตกลงที่เหลือท่านพระอาจารย์ติ๊กจะจัดการเอง ท่านก็ปฏิเสธ ให้เหตุผลเพียงว่า “เสียดายป่า” ใครไปวัดท่านก็จะเห็นเพียงศาลาหลังน้อยที่ถ้าคนไปนั่งแบบเบียดๆก็นั่งได้แค่ร้อยกว่าคน ท่านบอก “แค่นี้ก็พอแล้ว” เทวดามาใส่บาตร เห็นท่านเงียบๆแต่ถ้าถูกกาลก็มีเรื่องอภินิหารให้ได้ฟังบ้าง ครั้งหนึ่งท่านเล่าให้ฟังว่าท่านไปอยู่ทางภาคใต้ ท่านก็คิดว่าเขตนี้มีแต่ชาวมุสลิมไปบิณฑบาตรคงไม่ได้อะไร แต่ครูบาอาจารย์ท่านก็สั่งไว้ข้อวัตรบิณฑบาตรยังไงก็ต้องทำไม่จำเป็นจริงๆไม่ควรเว้นท่านก็พิจารณาไปทำข้อวัตรส่วนจะได้อาหารหรือไม่ไม่ใช่หน้าที่ท่าน คนขับรถก็พาท่านไปที่ตลาดในตัวเมือง ท่านเล่าว่าพอจะลงจากรถยังไม่ทันปิดประตูรถก็ไม่ทราบมีมือจากไหนยื่นมาใส่บาตรท่านเต็มไปหมดแวบเดียวเต็มบาตร ท่านจึงกลับเข้าไปในรถ คนขับจึงถามท่าน ว่าไม่ไปบิณฑบาตรแล้วหรือครับ ท่านก็เปิดบาตรให้ดูว่าเต็มแล้ว คนขับรถก็ยืนยังตรงนั้นไม่มีใคร แล้วใครหละมาใส่บาตรท่าน พอท่านพิจารณาก็ทราบว่า เทวดามาใส่บาตร ฝนมิต้องกาย เมื่อครั้งหลวงพ่อท่านเดินธุดงค์ไปภาคตะวันออก ท่านได้ไปปักกลดอยู่หาดบางแสน ผูกกลดใต้ต้นมะพร้าว คืนนั้นไม่ทราบพายุฝนมาจากไหนพัดกระหน่ำหาดบางแสน ลูกศิษย์ที่เป็นฆราวาสก็รีบมาดูหลวงพ่อกลัวหลวงพ่อลำบาก แต่พอเข้าใกล้กลดท่านก็ต้องตกใจรอบกลดท่านมีแสงสว่างเรืองออกมา ห่างจากกลดราว1วา ทรายทุกเม็ดยังแห้งสนิทลมที่พัดอย่างรุนแรงมิได้โยกคลอนกลดท่าน หลวงพ่อยังคงนั่งสมาธิสงบอยู่เหมือนมิได้รับรู้กับพายุที่กระหน่ำแรงพอจะพัดทุกอย่างลงสู่ทะเล รู้จริง! หลายปีก่อนผมนำคณะขึ้นไปทำบุญที่ภาคเหนือ โดยมีหลวงพ่อประสิทธิ์เป็นหนึ่งในเป้าหมายการเดินทาง และเพื่อความไม่ประมาทจึงได้โทรถามกับลูกศิษย์ฆราวาสของท่าน ว่าท่านอยู่วัดหรือไม่ แต่ทางลูกศิษย์ท่าน มีเหตุติดขัดบางประการจึงไม่ได้โทรไปเช็คให้ และแล้วเย็นนั้นหลวงพ่อก็ได้สั่งให้คนขับรถท่านโทรมาบอกศิษย์คนนี้ว่า ท่านจะไปต่างจังหวัด 3 วัน เกือบ10ปีที่ผ่านมาลูกศิษย์ท่านยืนยันว่าท่านไม่เคยทำเช่นนี้เลย ผมเองเคยไปกราบท่านหลายหนแต่ผมก็ยืนยันว่าท่านไม่รู้จักผม ผมจึงอัศจรรย์ในความรู้ความเห็นของท่านมาก หลวงพ่อจันทร์เรียนเคารพ หากใครเคยไปกราบหลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท คงอาจทราบว่าหลวงปู่เจี๊ยะท่านมักจะแนะนำลูกศิษย์ให้ไปกราบ หลวงพ่อจันเรียน วัดถ้ำสหาย โดยให้เหตุผลที่ควรไปกราบนอกเหนือจากคุณธรรมขั้นสูงของหลวงพ่อจันทร์เรียนว่า “ท่านมีฤทธิ์มาก ไม่น้อยไปกว่าหลวงปู่ฝั้นเลย” ขนาดพระแทบทุกรุ่นของหลวงปู่เจี๊ยะ ท่านต้องสั้งศิษย์ให้นำไปถวายหลวงพ่อจันทร์เรียนอธิษฐานก่อนแจก มีเรื่องเล่าในหมู่ศิษย์ว่า มีครั้งหนึ่งหลวงพ่อประสิทธิ์ไปเยี่ยมหลวงพ่อจันทร์เรียนที่วัด แต่การไปไหนทุกครั้งของหลวงพ่อประสิทธิ์จะไม่มีกำหนดการ ทุกอย่างเป็นไปตามความประสงค์เฉพาะหน้าของท่าน ดังนั้นการไปวัดถ้ำสหายจึงไม่มีใครทราบ วันนั้นฝนตกพรำๆ พอถึงวัดปรากฎ หลวงพ่อจันทร์เรียนท่านกางร่มรอรับหลวงพ่อประสิทธิ์อยู่ ถ้าเป็นเรื่องครูบาอาจารย์ที่หลวงพ่อจันทร์เรียนเคารพ ท่านจะทำถวายเองทุกอย่าง อย่างเช่นหลวงปู่เคน วัดหนองหว้า อาพาธไม่ยอมไปโรงพยาบาล หลวงพ่อจันทร์เรียนทราบ ท่านก็รีบไปรับหลวงปู่เคน ไปโรงพยาบาล หลวงปู่เคนท่านเดินไม่ไหว หลวงพ่อจันทร์เรียนก็อุ้มหลวงปู่เคนด้วยตัวท่านเอง ทันพอดีไปหมด เมือเดือนตุลาคมที่ผ่านมาผมพาคณะไปทำบุญที่ภาคอิสาน ซึ่งปรกติการไปกราบพระทางอิสาน ซึ่งถ้าจะเอาปริมาณก็มักจะได้กราบไม่ถึงครึ่งของเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่คราวนี้เป็นช่วงกฐิน และยังเป็นครั้งแรกของการไปทำบุญกับพระกรรมฐานของใครหลายๆคน ยังไงก็ต้องเน้นปริมาณ และก็มีเหตุบังเอิญกันตลอดทางที่ไปกราบพระ นั่นคือแล้วทันกราบท่านทุกองค์ไม่ว่าจะไปกราบหลวงปู่เพียร วัดป่าหนองกอง ก่อนท่านขึ้นพักแค่10 นาที ซึ่งท่านอาพาธมากถ้าพักแล้วห้ามเยี่ยมเด็ดขาด, ได้กราบหลวงพ่อคูณ วัดป่าภูทอง ก่อนคณะทัวร์วัด 3 คันรถบัสจะมาถึงครึ่งชั่วโมง, ได้กราบหลวงปู่แฟ๊บ วัดป่าดงหวาย ก่อนคณะทัวร์วัด 1 คันรถบัสมาถึงไม่กี่สิบนาที ได้กราบหลวงปู่แตงอ่อน วัดป่าโชคไพศาล ก่อนท่านทำวัตรสวดมนต์แค่ 5 นาที, ได้กราบหลวงปู่ลี วัดภูผาแดง, หลวงพ่ออินทร์ถวาย วัดป่านาคำน้อย, หลวงปู่คำพัน วัดศรีวิชัย ทั้งที่ไม่ได้ไปวัดท่าน, ได้กราบหลวงปูบุญหนา วัดป่าโสถิผล ทั้งทีเลยเวลาพัก เนื่องจากมีคนมากราบท่านแล้วยังไม่กลับ จนหลวงปู่ท่านออกปากว่า “ถ้าคนมากราบก่อนไม่อยู่เลยเวลา หลวงปู่เข้าพักแล้ว มาตะโกนเรียกก็ไม่ออกมานะ”, ได้กราบหลวงปู่เคน วัดหนองหว้า โดยที่หลวงปู่เพิ่งกลับจากไปกิจนิมนต์ต่างอำเภอ แค่ไม่กี่สิบนาที และจุดมุ่งหมายต่อไปคือหลวงพ่อจันทร์เรียน แต่...คณะทราบว่าท่านอาพาธการไปกราบเหมือนโยนเหรียญวัดดวงไม่ทราบท่านจะออกรับแขกรึเปล่า ซึ่งการไปวัดท่านลำบากมากถ้าไปต้องตัดวัดอื่นทิ้ง 2-3 วัด แต่การโทรเช็คไปยังวัดป่านิโครธารามทำให้บังเอิญทราบว่าหลวงพ่อประสิทธิ์ มาวัดป่านิโครธาราม คณะผมจึงรีบบึ่งไปกราบเพราะหลวงพ่อเพราะท่านจะอยู่วัดป่านิโครธารามไม่นาน ไม่มีใครรั้งหลวงพ่อให้รอคณะเราได้ และไม่มีใครทราบว่าหลวงพ่อจะไปไหนต่อ ระหว่างทางนั้นฝนก็ตกหนักทำให้คณะมีมติว่าการจะไปกราบหลวงพ่อจันทร์เรียนต่อคงต้องยกเลิกเพราะถ้าฝนตกอย่างนี้รถตู้ขึ้นเขาไม่ได้แน่นอน และถ้าไปไม่ทันหลวงพ่อประสิทธ์คงต้องตีรถไปพักวัดหลวงพ่อเมือง ที่จ.กาฬสินธุ์เลย เพราะไม่สามารถไปไหนต่อได้ และแล้วรถตู้ 2 คันของคณะก็สวนกับรถตู้โฟลค์ ที่ลานกว้างหน้าวัดป่านิโครธาราม รถของคณะจอด รถตู้โฟลค์ก็จอดเหมือนรู้ ผมรีบลงไปกราบท่าน ท่านก็ยิ้มแล้วบอกว่า “เรากำลังจะขึ้นถ้ำสหาย เราจะไปค้างที่นั่น” ผมก็เรียนท่านโดยไม่คิดเลยว่าและไม่ปรึกษาคณะเลยว่า “หลวงพ่อครับพวกผมตามขึ้นไปด้วยครับ” รถตู้โฟลค์ขับนำโดยมีคณะผมตาม และเพิ่งคิดออกว่าตามท่านไปคงไม่ต้องกลัวฝนและยังไงไปกับท่านก็ต้องได้กราบหลวงพ่อจันทร์เรียน เป็นจริงดังคิด ฝนที่กระหน่ำที่ด้านล่างไม่ปรากฎแม้ซักเม็ดตลอดการเดินทาง และคณะเราก็ได้กราบท่านสมใจ เมื่อตอนจะลาหลวงพ่อประสิทธิ์กลับ ท่านก็พูดขึ้นมาว่า “อยัมภทันตา บุญทันตาเห็น น่าแปลกนะที่มาทันพอดีไปหมด นี่แหละบุญทันตาเห็น อยัมภทันตา” ผมแปลกใจท่านรู้ได้อย่างไร มันบังเอิญตลอดการเดินทางถึงกว่า10ครั้ง ทันพอดีไปหมด แต่ผมไม่ได้เล่าให้ท่านฟังนะ! เหตุเกิดเมื่อปีที่น้ำท่วมเชียงใหม่ วัดป่าหมู่ใหม่เป็นวัดติดชลประทานแม่แตง หากน้ำจะท่วมเข้ามาในวัดก็มิใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ถ้าน้ำท่วมเชียงใหม่แต่หมู่ใหม่ไม่ท่วมนี้สิแปลก เรื่องมีอยู่ว่าในคืนก่อนวันที่น้ำหลากเข้าท่วมเชียงใหม่ อยู่ดีๆหลวงพ่อก็มีคำสั่งกลางดึกให้พระเณรเอากระสอบทรายที่เตรียมไว้ไปวางยังจุดต่างๆรอบวัดแต่ไม่ใช่วางรอบหมดเป็นเพียงบางจุดเท่านั้น แล้วคืนนั้นเรื่องแปลกก็เกิด จุดที่หลวงพ่อสั่งทุกจุดเป็นจุดที่น้ำหลากเข้ามา และก็แปลกที่กระสอบทรายไม่กี่กระสอบจะเปลี่ยนทิศทางน้ำไม่ให้ท่วมวัดได้ เช้าขึ้นมาหมู่บ้านรอบวัดป่าหมู่ใหม่แทบจมให้บาดาล แต่วัดป่าหมู่ใหม่ยังคงเป็นปรกติ กลุ่มพลัง ครั้งหนึ่งหลวงพ่อภาวนาอยู่บนเขา ท่านได้เห็นกลุ่มพลังงานกลุ่มหนึ่ง ท่านจึงพิจารณาว่า กลุ่มพลังงานนั้นคืออะไร ท่านจึงทราบว่า นี้เป็นกลุ่มพลังที่หลวงปู่ดูลย์ อตุโล อธิษฐานจิตแผ่เมตตาทิ้งไว้ในโลก หากใครมีวาสนาเกี่ยวข้องกับหลวงปู่ดูลย์ก็จะได้รับพลังนี้ นอกจากนี้หลวงพ่อยังเคยพบกลุ่มพลังเช่นนี้แต่เป็นขององค์อื่นอีหลายครั้ง และท่านก็กล่าวไว้ ไม่ใช่จะมีแต่กลุ่มก้อนพลังที่ดี ที่ไม่ดีก็มี (ไม่ได้เรียนถามท่านว่ามาจากไหน) ถ้าใครเจอเข้าก็จะมีแต่เรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เมื่อได้ฟังท่านเช่นนี้แล้วทำให้ผมเองก็รีบขวนขวายหาพระหลวงปู่ดูลย์ มาแขวนทันทีเพราะผมคิดว่าหลวงปู่ท่านคงทิ้งกลุ่มพลังงานที่ดีไว้ในเหรียญท่านแน่ๆ ด้วยบารมีหลวงพ่อ การไปมาของหลวงพ่อเป็นที่รู้กันว่า แล้วแต่อัธยาศัยท่าน พี่ที่นับถือกันท่านหนึ่งเปิดร้านทองอยู่ที่เชียงใหม่ วันดีคืนดีหลวงพ่อท่านก็แวะมาเยี่ยม พี่เขาเล่าให้ฟังว่า ท่านมาก็นิมนต์ขึ้นห้องพระชั้นบนปล่อยให้น้องสาวและลูกน้องขายของไป ท่านอยู่ไม่นานไม่เกินครึ่งชั่วโมง ก็กลับไป น้องสาวก็มาสกิดบอกช่วงที่พี่ขึ้นไปดูแลหลวงพ่อ มีลูกค้ามาเยอะมาก ขายทองได้ สามแสนกว่า (สมัยทองบาทละไม่เกิน 6,000) นี้มันผิดปรกตินะ! ผมก็สงสัยฟลุครึเปล่าและแล้วท่านก็มาอีกครั้ง แต่คราวนี้ขายได้5แสน แฮะๆ คงไม่ฟลุคหรอกครับ ทองคำแม้การขายให้ได้ 3 แสน 5 แสนมันแค่ทองไม่กี่สิบบาทแต่ผมขอถามว่าจะมีใครพร้อมใจกันไปซื้อทองพร้อมกันเวลาใกล้เคียงกันเยอะขนาดนี้ในยุคที่ทองขึ้นจากบาทละ 4,000 ผมเป็นคนหนึงหละที่คิดว่ามันต้องลงเพราะมันเสถียรที่ 4,000 มาเป็น 10 ปี ตำนานวัดป่าหมู่ใหม่ วัดป่าหมู่ใหม่ ตั้งอยู่พื้นที่บ้านป่าหมู่ใหม่ หลังสำนักงานชลประทานแม่แตง ตำบลแม่แตง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ หลวงพ่อ ประสิทธิ์ ปุญฺญมากโร ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๙ โดยได้ขออนุญาตใช้ที่ดินจาก กรมป่าไม้อย่างถูกต้อง หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญฺญมากโร บรรพชาและอุปสมบทอยู่กับ หลวงปู่อ่ออน ญาณสิริ วัดนิโครธาราม ตำบลหมากหญ้า อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ภายหลังหลวงปู่อ่อน มรณภาพลง ท่านได้ไปปฏิบัติอยู่กับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน ตำบลผาน้อย อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย จากนั้นได้เดินธุดงค์ขึ้นสู่ภาคเหนือ มาอยู่ปฏิบัติธรรมร่วมกับหลวงปู่แหวน สุจิณฺโร วัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ แล้วเดินธุดงค์ แสวงหาความวิเวก จนกระทั่งมาพบสถานที่ป่าสงบเงียบ หลังที่ทำการชลประทานแม่แตง จึงได้ขออนุญาตจัดตั้งเป็นสำนักสงฆ์ และยกฐานะเป็นวัดตามลำดับ วัดป่าหมู่ใหม่ เป็นวัดป่าสายธรรมยุตที่สงบเงียบ หลวงพ่อประสิทธิ์ ได้อนุรักษ์สภาพพื้นที่ป่าเดิม พร้อมกับปลูกป่าเสริมเพิ่มต้นไม้ตลอดเวลา ทำให้วัดมีต้นไม้ใหญ่สมบูรณ์ร่มรื่น โดยมีกุฏิไม้แทรกอยู่ระยะห่างกันพอสมควร นอกจากศาลาอเนกประสงค์สองชั้น ชั้นล่างใช้เป็นที่ไหว้พระสวดมนต์ ฟังเทศน์ เป็นโรงฉันพร้อมสรรพ ส่วนชั้นสอง ใช้เป็นอุโบสถ ยังมีศาลาโรงครัวอีกหลังหนึ่ง นอกนั้นเป็นกุฏิพระ และกุฏิสำหรับอุบาสา อุบาสิกา และญาติโยม มาพักเพื่อปฏิบัติธรรม วัดป่าหมู่ใหม่เป็นสถานที่สงบเงียบ เหมาะแก่การทำสมาธิภาวนา และเดินจงกรมเป็นอย่างยิ่ง ภายในวัดป่าหมู่ใหม่ มีไฟฟ้าใช้เฉพาะไฟส่องถนน และบริเวณศาลา-อุโบสถ กับห้องสุขาส่วนด้านหน้าเท่านั้น ส่วนกุฏิพระทั้งหมด ไม่ได้ติดตั้งไฟฟ้าเข้าไป พระภิกษุสามเณร และญาติธรรม ใช้อาศัยแสงไฟจากไฟฉาย เทียนไข หรือตะเกียงในยามค่ำคืน ส่วนน้ำดื่ม น้ำฉันก็จากน้ำแทงค์น้ำเก็บน้ำฝน ส่วนน้ำใช้ก็จากน้ำ จากชลประทาน แม่แตงและจากน้ำบ่อที่ขุดไว้ ภายในวัดไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่มีการใช้โทรศัพท์พื้นฐาน หรือโทรศัพท์มือถือ เป็นความ ประสงค์ของหลวงพ่อประสิทธิ์ ที่ต้องการให้มีการปฏิบัติภาวนา โดยไม่มีสิ่งอื่นมาล่อใจให้ไขว้เขวได้ การที่วัดป่าหมู่ใหม่มีความเป็นอยู่อย่างพอเพียง แต่ละกฏิไม่มีการสะสมสิ่งของ ไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าใดๆ เป็นวัดปฏิบัติธรรม จึงเป็นวัดป่าศักดิ์สิทธิ์ และมีเสน่ห์สำหรับผู้เข้าไปสัมผัส ทั้งนี้เพื่อ มรรค ผล นิพพาน อย่างแท้จริงนั่นเอง ขอบพระคุณข้อมูลจาก : http://www.baanruenthai.com/ และ http://www.kammatan.com |