หัวข้อ: สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ เริ่มหัวข้อโดย: matteo ที่ สิงหาคม 25, 2007, 11:36:50 AM เรื่องจริง ที่พิสูจน์ได้ด้วยตนเองไม่จำกัดกาล
ไว้คุยกัน หัวข้อ: Re: สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ สิงหาคม 25, 2007, 10:53:07 PM ครับ ถ้าวันไหนว่างๆ ก็มาแชร์ประสบการณ์ได้ น่ะครับท่าน อาจารย์ matteo ;)
หัวข้อ: Re: สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ เริ่มหัวข้อโดย: Top ที่ ตุลาคม 21, 2007, 03:01:40 PM ไม่ใช่สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจนะครับท่าน, เป็นเป็นภพภูมิที่มีอยู่จริง โลกก็เป็นส่วนหนึ่งของภพภูมิ การเทศน์ที่พยายามอธิบายเรื่องนี้ มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล มีบันทึกในพระไตรปิฏกแล้ว
ผมบังเอิญไปเจอมา อยากอ่าน mail มา, จะส่งไปให้ หัวข้อ: Re: สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ เริ่มหัวข้อโดย: golfreeze ที่ ตุลาคม 28, 2007, 08:39:32 PM ไม่ใช่สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจนะครับท่าน, เป็นเป็นภพภูมิที่มีอยู่จริง โลกก็เป็นส่วนหนึ่งของภพภูมิ การเทศน์ที่พยายามอธิบายเรื่องนี้ มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล มีบันทึกในพระไตรปิฏกแล้ว ผมบังเอิญไปเจอมา อยากอ่าน mail มา, จะส่งไปให้ สวัสดีครับคุณ top ยินดีที่ได้รู้จัก น่ะครับ หัวข้อ: Re: สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ เริ่มหัวข้อโดย: adsadapong ที่ มีนาคม 31, 2009, 11:18:41 AM เรียนรู้เรื่องราวควาจริงของชีวิตได้ที่นี่ www.dmc.tv (http://www.dmc.tv)
หัวข้อ: Re: สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ เริ่มหัวข้อโดย: siamsec17 ที่ พฤษภาคม 14, 2012, 09:03:09 AM กลอนนี้เป็นจริงแล้
หัวข้อ: Re: สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ เริ่มหัวข้อโดย: anonzero ที่ ตุลาคม 18, 2012, 12:04:56 AM ผมเชื่อนะ
หัวข้อ: Re: สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ เริ่มหัวข้อโดย: phonsakw ที่ ธันวาคม 05, 2012, 12:16:25 PM สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ นั้นถูกแล้ว แต่ต้องเข้าใจว่า ใจที่ว่าหมายถึง ภวังค์จิต หรือ จิตใต้สำนึก
ในภวังค์จิต หรือ ในจิตใต้สำนึกของเรามันมีภพภูมิอยู่ ภพภูมิที่อยู่นั้นคือ สวรรค์นรกพรหมโลกและอบายภูมิต่างๆนั่นเอง สวรรค์นรกพรหมโลกและอบายภูมิต่างๆแสดงออกให้เรารับรู้ได้ 2 ทาง 1. ทางใจที่เป็นภวังค์จิต หรือ เป็นจิตใต้สำนึก มนุษย์เราเรียกการรับรู้นั้นว่า "ความฝัน" แม้ว่าฝันของเราทุกวัน มักจะเป็นลมๆแล้งๆ แต่มีความฝันอีกแบบ ที่จิตวิญญาณของเราออกจากร่างกาย แล้วไปท่องเที่ยวในภพภูมิเหล่านั้น ภพภูมิเหล่านั้นก็คือ สวรรค์นรกพรหมโลกและอบายภูมิต่างๆที่ผมพูดถึง - คนธรรมดาที่ไม่ได้ฝึกสมาธิจนมีอภิญญาถอดจิต(ถอดกายทิพย์ หรือถอดวิญญาณ)ได้ ส่วนใหญ่จะไม่รู้ และไม่เชื่อว่า ในภวังค์จิต หรือ ในจิตใต้สำนึกของเขา มีสวรรค์นรกพรหมโลกและอบายภูมิต่างๆอยู่ นอกจากมีวิญญาณหรือกายทิพย์อื่นใด เช่น ผี เปรต อสูร เทวดา มาปรากฏให้เขารับรู้ทางอายตนะตา หู จมูก ร่างกาย ให้เขารับรู้ เช่น ได้กลิ่นธูป กลิ่นดอกไม้ กลิ่นเห็น แต่คนบางคนที่เรียกว่า พวกมีSixth Sense (ซิกซ์เซ้นส์) พวกเขาจะรับรู้ถึงการมาปรากฏของ ผี เปรต อสูร เทวดา ฯลฯ แต่พวกที่คิดว่าฉลาดแต่โง่ฉิบหายในโลกมนุษย์ กลับไปเรียกพวกมีSixth Sense (ซิกซ์เซ้นส์)ว่า "จิตหลอน" - คนที่ฝึกสมาธิจนมีอภิญญาถอดจิต(ถอดกายทิพย์ หรือถอดวิญญาณ)ได้ เช่น ผมphonsak จะพบผี เปรต อสูร เทวดา ฯลฯ รวมทั้งพบพุทธะืั้เป็นกายทิพย์บริสุทธิ์ เป็นประจำ ผมจึงรู้เรื่องการมีอยู่ และการปรากฎ ของสวรรค์นรกพรหมโลกและอบายภูมิต่างๆแสดงออกให้เรารับรู้ได้ 2 ทาง ทางที่ 2 คือ 2. การปรากฎของสวรรค์นรกพรหมโลกและอบายภูมิต่างๆ ออกมาภายนอกให้เรารู้เห็นเลย เราจะรู้เห็นได้เมื่อเราใกล้ตาย หรือเมื่อเราตายไปแล้วเท่านั้น เพราะว่าโลกของเรามีมิติที่ซ้อนกันอยู่ มีผู้ที่มีอภิญญาเป็นพุทธะขั้นพระพุทธเจ้าเท่านั้น จึงจะเชื่อมมิติที่ซ้อนกันอยู่นั้นให้มนุษย์รู้เห็นได้ด้วยตาของมนุษย์เองเลย ดังที่พระพุทธเจ้าเชื่อมมิติที่ซ้อนกันอยู่นั้นให้มนุษย์รู้เห็นได้ด้วยตาของมนุษย์เอง ที่เรียกว่า "วันพระเจ้าเปิดโลก" หรือ "วันพระพุทธเจ้าเปิดโลก" |