KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับห้องนั่งเล่น คุยกันสบายๆตามประสาชาวกรรมฐานคุยกันสบายๆ ตามประสาชาวกรรมฐาน.คอมความรู้เกี่ยวกับคำว่า "เซียน" ที่ถูกต้อง
หน้า: [1]
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ความรู้เกี่ยวกับคำว่า "เซียน" ที่ถูกต้อง  (อ่าน 13967 ครั้ง)
phonsakw
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 1
**

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 2
กระทู้: 94


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: ตุลาคม 21, 2012, 06:54:16 PM »

คำว่า "เซียน (great master)" เป็นชื่อที่คนไทยรู้จักกันมานานแล้ว  และใช้เรียกผู้มีความชำนาญบางอย่างมากเป็นพิเศษว่า "เซียน"  เช่น เซียนพระเครื่อง เซียนสนุ๊ก  คนไทยและคนจีนมักเรียกผู้วิเศษ ที่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้  มีอำนาจอิทธิฤทธิ์หรือมีของวิเศษต่างๆว่า "เซียน"     

แต่ความหมายของเซียน ไม่ได้มีเพียงเท่านั้น  มันมากกว่านั้นเยอะ ในบทความนี้ผมขอเขียนไว้เฉพาะบางส่วน

สมัยก่อนคำว่าเซียน สามารถเทียบได้ใกล้เคียงกับคำว่า "ฤาษี"  สมัยนี้น่าจะใกล้เคียงกับคำว่า ."พระเกจิ หรือ
ผู้วิเศษ"

- ในทางโลก  ผู้ที่เก่งหรือชำนาญในทางใดทางหนึ่งเป็นพิเศษ เราเรียกว่า "เซียนด้านนั้นด้านนี้
- ในทางศาสนา  ผู้ที่เก่งหรือชำนาญในด้านการทำความดีต่างๆ  จนถึงขั้นบำเพ็ญสมถะหรือสมาธิให้ใจสงบนึ่ง  จนได้ฌาน 4-8  พระพุทธเจ้าเรียกว่า   ผู้มีสมถะเป็นยาน หรือ ผู้บำเพ็ญสมถะจนบรรลุระดับสูง

การบริกรรมภาวนาใดๆ  ล้วนเป็นการทำให้จิตใต้สำนึก หรือภวังค์จิตของเราสงบ  การรวมหรือเพ่งจิคอยู่ที่จุดเดียวนั้น  ถ้าเป็นการโฟกัสโดยจิตที่ฟุ้งซ่านไปที่จุดเดียว  ย่อมทำไม่ค่อยได้ และไม่มีพลังงานจิตที่พอเพียง   แต่การโฟกัสจิตที่ไม่ฟุ่งซ่านไปที่จุดเดียว  ย่อมเกิดพลังงานจิตที่มหาศาลขึ้นมาได้  ผู้ที่ฝึกสมถะจนได้ฌานระดับสูง  และสามารถผู้ที่นำพลังงานจิตไปใช้ประโยชน์ได้ดีมี 5 จำพวก หรือพวกมีอภิญญา 5

ภาวนาปลุกจิตใต้สำนึกจนสำเร็จเป็นเซียน

พระพุทธเจ้าไม่ได้สรรเสริญผู้ที่ทำสมถะจนได้อำนาจวิเศษใดๆ  ที่เราเรียนว่า เซียน เลย   แต่พระพุทธองค์สรรเสริญเฉพาะเซียน ที่นำเอาอำนาจวิเศษเหล่านั้น  ไปขจัดขัดเกลากิเลสตนหมดเท่านั้น  เซียนพวกนี้มี 2 พวก

1.  พระสมถยานิก ผู้มีสมถะเป็นยาน(เครื่องนำไป) หมายถึง ผู้เจริญสมถกรรมฐาน จนได้ฌานก่อนแล้วจึงเจริญวิปัสสนาให้เกิดปัญญาวิมุตติต่อ

2.  พระอุภโตภาควิมุต  คือ พระอรหันต์ผู้บำเพ็ญสมถะมาเป็นอย่างมากจนได้สมาบัติ ๘ แล้ว จึงใช้สมถะนั้นเป็นฐานบำเพ็ญวิปัสสนาต่อไปจนบรรลุอรหัตตผล  หลุดพ้นจากความทุกข์

" เราย่อมอยู่ด้วยธรรม(ที่เป็น)เครื่องขัดเกลากิเลส(อย่างถูกต้องดีแล้ว)   ดูกรจุนทะ แต่ธรรมคือฌาน(ทั้งหลาย)นี้  เราไม่กล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องขัดเกลา ในวินัยของพระอริยะ    เรากล่าวว่า (ยัง)เป็น(เพียง)ธรรมเครื่องอยู่(ให้)เป็นสุขในอัตภาพนี้"

หมายความว่า เซียน มี 2 จำพวก

1.  เซียนที่ได้อภิญญา 5 อย่างใดอย่างหนึ่ง  =   "เซียน" ผู้สำเร็จฌานสมาบัติต่างๆ  แล้วเป็นผู้อยู่อย่างเป็นสุขตามอัตภาพของตน  คือใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขเท่าที่สภาพความเป็นอยู่

 2. เซียนที่ได้อภิญญา 5 ไปต่ออภิญญา  6  =   เซียน ผู้สำเร็จฌานสมาบัติต่างๆ  แล้วเลื่อนระดับไปจนบรรลุอรหัตตผล  หลุดพ้นจากความทุกข์  ด้วยการทำวิปัสสนากรรมฐาน และการทำให้สมถะกรรมฐานของตน จนไม่หลุดหลงไปตามกิเลสตัณหาตลอดกาล เช่น พระอิศวร  ราชาแห่งโยคะ  พระพุทธองค์เรียกผู้ทำสมถะกรรมฐานของตน  จนไม่หลุดหลงไปตามกิเลสตัณหาตลอดกาลว่า  พระอรหันต์ ที่เจโตวิมุตติไม่กำเริบแล้ว

แต่เดิม...เซียน(ผู้วิเศษ)ที่มีแค่อภิญญา 5 ใช้พลังจิตที่ขำนาญของตน แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่างๆได้  ถือเป็น เซียนธรรมดา(ผู้วิเศษธรรมดา) แต่เมื่อเป็นเซียนที่บรรลุธรรม เป็นพระอรหันต์ ที่เจโตวิมุตติไม่กำเริบแล้ว  เป็นอรหันต์แล้ว    เราจึงเรียกท่านว่า  "เซียนอรหันต์  เซียนพุทธะ กับ อรหันต์โพธิสัตว์" 

เซียนอรหันต์  เซียนพุทธะ หรือ โพธิสัตว์อรหันต์  แตกต่างจากเซียนธรรมดา(ผู้วิเศษธรรมดา) ตรงที่เซียนธรรมดา(ผู้วิเศษธรรมดา)เป็นแค่อทิสมานกาย(กายทิพย์มนุษย์)  ในขณะที่เซียนอรหันต์  เซียนพุทธะ หรือ โพธิสัตว์อรหันต์  เป็นเซียนหรือเป็นโพธิสิตว์ ที่กำเนิดจากพระอรหันต์ท่านนั้นดับหรือละลายอทิสมานกาย(กายทิพย์มนุษย์)ของตนไปแล้ว  จึงได้กายธรรมหรือธรรมกาย  แล้วกายธรรมหรือธรรมกายก็นิรมิตกายทิพย์ตัวใหม่ที่ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายออกมา  เรียกว่า "สัมโภคกาย  หรือ พระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือกายทิพย์บริสุทธิ์" 

ในขณะที่อทิสมานกาย(กายทิพย์มนุษย์)นั้นเกิดแก่เจ็บตายได้  เพียงแต่ถ้าเป็นเทพหรือเทวดาจะมีอายุยืนยาวกว่ามนุษย์เท่านั้น  ยิ่งเป็นพรหม(ทางโลกหรือโลกียะ)จะอายุยาวนานมากๆๆๆๆๆ  จนถึงขนาดหลงผิดไปเลยว่า  ตนเองเป็นอมตะ อยู่ได้ชั่วนิจนิรันดร  เช่น  พกาพรหม  และอุทกพรหม  ที่ทั้งคู่หลงผิดว่าพรหมชั้นที่ตนอยู่คือนิพพาน


ย้ำ!  ผู้ที่แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่างๆได้  จนถึงขั้นเป็นเซ็ยน  น่าจะเป็นผู้ที่ได้ ฌาน ๔ จตุตถสมาบัติ ฌาน   หรือกว่านั้นขึ้นไปจนถึงฌาน 5-8 ซึ่งเป็นอรูปฌาน

...สมถยานิก = ผู้มีสมถะเป็นยาน คือ ท่านผู้เจริญสมถะจนได้ฌานสมาบัติแล้วจึงเจริญวิปัสสนาต่อจนได้สำเร็จอรหันต์
บันทึกการเข้า
keroro
สมาชิกใหม่
*

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 0
กระทู้: 37


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: ตุลาคม 24, 2012, 10:59:17 AM »

 ขอบคุณนะครับ
บันทึกการเข้า

keroro
สมาชิกใหม่
*

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 0
กระทู้: 37


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: ตุลาคม 25, 2012, 02:12:47 PM »

 ขอบคุณมากๆครับ
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
พิมพ์
กระโดดไป: