KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับธรรมมะกับมนุษย์ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐาน ธรรมมะจากพระสงฆ์ สุปฏิปันโน เป็นข้อคิด และแนวทาง เพื่อเป็นแรงใจในการปฏิบัติภาวนาธรรมะจากพระสงฆ์ผู้เจริญธรรม ตอนที่ 1-8
หน้า: [1]
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมะจากพระสงฆ์ผู้เจริญธรรม ตอนที่ 1-8  (อ่าน 20216 ครั้ง)
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3605


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« เมื่อ: สิงหาคม 22, 2007, 11:50:58 AM »


                ต้องขอขอบพระคุณผู้ รวบรวบเอาไว้ คือ พันตรี เกรียงศักดิ์ ชัยชนะกิจพงษ์  ยิ้ม

                 [email protected] หรือ MSN - [email protected]

จาก เว็บมาสเตอร์ เว็บธรรมะพุทธองค์  เพื่อนบ้านเราจากเว็บ http://kasin.saiyaithai.org เป็นอย่างสูงครับ

สำหรับผมเอง นายวัฒนชัย เก๊ํกฮั้ว เพิ่งเริ่มหัดนั่งสมาธิแนวกสิณ ได้ไม่นาน เพื่อต้องการที่จะ พิสูจน์ว่า นรก และ

สวรรค์ จะมีอยู่จริงหรือไม่ และอีกเหตุผล 1 คือต้องการจะไปเยี่ยมญาติ บนสวรรค์ จึงได้เริ่มหัดนั่ง ซึ่งถ้าหากเพื่อน

มีข้อสงสัย อะไรก็สามารถ แอด MSN : [email protected]  ได้น่ะครับ หรือจะศึกษาจาก กระทู้ใน บอร์ด

แห่งนี้ ก็ได้ ขอบพระคุณอย่างสูง ครับ  ยิ้มเท่ห์

ในส่วนนี้ อยากให้ทุกท่านได้ อ่านเพื่อเป็นเรื่องแง่คิดในการทำความดี ทำบุญ เพื่อดำรงชีวิืตของท่านด้วยความสุข สบาย

ถ้าหาก มีข้อผิดพลาด ณ จุดใด ทางผู้จัดก็ขอ อภัยไว้ ณ ที่นี้ ด้วยน่ะครับ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ครั้งที่ 1    วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2548
ความกตัญญู
(คำสอนจาก หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ ต.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี)


      เมื่อคนเราเกิดมา มีพ่อแม่ให้กำเนิด  สอนเรามาตั้งแต่เรายังเล็ก  จนเติบใหญ่  ในอดีตที่ผ่านมานั้น  เราได้เคยทดแทนพระคุณพ่อแม่แค่ไหน ขอให้คิดดูเถิด
      ยามนี้เมื่อเราได้มีความเจริญเป็นผู้ใหญ่ มั่งมีทรัพย์แล้ว  เหลียวแลพ่อแม่ หรือเปล่า   ต่อไปภายหน้าเราก็ต้องแก่เฒ่า ไม่วันใดก็วันหนึ่งใช่ไหม
      ฉะนั้น  ขอให้ทุกท่าน จงตรึกนึกคิด
      ความกตัญญู ที่มนุษย์ทุกคนควรมีนี้  ควรมีอยู่ในสำนึกจากจิตใจที่ดีของตนเอง ที่มีให้ต่อผู้มีพระคุณยิ่ง ได้แก่ พ่อ แม่ของตนเอง  ขอให้รู้ไว้ว่า โลกมนุษย์ ได้มีพระธรรมอันเลิศของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เทศน์โปรดให้มนุษย์ได้หลุดพ้นทุกข์  ก็ขอให้ทุก ๆ คนใฝ่รู้ พากเพียร  มีความขยัน ตั้งใจทำความดีเสมอ    บุญแห่งความดีนี้ จะรักษาตน  นำพาตน ไปสู่แดนอันมีสุขได้
      ขอให้ทุกท่าน จงตั้งใจทำความดี  มีความกตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้มีพระคุณ อย่างมากที่สุด สมกับผู้ที่ได้ชื่อว่า ?ลูกกตัญญู?
      เจริญพร...
   


ครั้งที่ 2    วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2548
มนุษย์โลก ควรทำความดี
(คำสอนจาก หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ ต.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี)


      โลกมนุษย์นี้ มีการทำความดีอยู่มาก  แต่ไม่ทุกคน เพราะว่า คนเรานั้น ไม่เชื่อผลของกรรมดี  แต่มักทำความผิดที่ทำให้ตนเองมีสุข เช่น โกงเงินทอง จนร่ำรวย อย่างมีหน้ามีตา  มีความสุขสบาย  ลูกหลานสร้างความเดือดร้อนแก่บุพการีของตนเอง   โกงแผ่นดิน  โกงประเทศ  กินสินบน มีอยู่มาก   
      หากท่านจะคิดให้ดีถึงเรื่องนี้  จะมองเห็นว่ามีอยู่ทั่ว   อาตมาจากโลกมนุษย์มานานหลายร้อยปี  จนไม่อยากมาโลกมนุษย์   แต่ก็ยังมีจิตเมตตา เตือนสติมนุษย์ให้รู้จักคิดทำความดี  สอนให้มนุษย์กลับเนื้อกลับตัวเสียใหม่  สร้างความดี  ทำความดีให้เพิ่มพูนมากกว่าการกระทำชั่ว  เพราะทำชั่วแล้ว จะพาให้ตนทุกข์มหันต์เมื่อสิ้นจากมนุษย์ คือ ?หมดบุญ? ในชาติภพนี้   
      บาปกรรม นี้แหละจะฉุดให้ท่านฝังตนในนรก อย่างทรมานสาหัส  ร้องเรียกให้ญาติช่วย เขาก็ไม่รู้  ญาติทำบุญมาให้ก็เพียงบางวัน 
      เราต้องสร้างกรรมดีของเราเอง  อย่าลืมตัว  อย่าโกงกิน สร้างความเดือดร้อนแก่ชาติ  ทุกวันนี้มีให้เห็นหลายคน ทั้งบุคคลที่เคยทำความดี แต่มาหลงผิด เพราะกระแสเงินตราบังตา  หวังอยากจะร่ำรวย  สร้างอิทธิพลมากขึ้น  เพราะอยากจะครองอำนาจกัน
      เจริญพร...



ครั้งที่ 3    วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2548
ลืมตัว ลืมความดี
(คำสอนจาก หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ ต.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี)


      อาตมาอยากจะสอนให้ทุกคนได้คิดว่า โลกมนุษย์นี้ อยู่เพื่อสร้างความดี  มิใช่เพื่อกอบโกยความสุข จนลืมบุญกุศล
      บุญ และ กรรม คือสิ่งที่ท่านจะเก็บไว้ต่อไปในภายหน้า  สุขหรือทุกข์ ท่านเลือกเอง  ชาตินี้สุขเพราะบุญเก่าหนุนส่ง  กรรมที่ทำชาตินี้ก็ต้องรับใหม่กันต่อไป
      หวังว่า สิ่งที่อาตมาสอนท่านนี้  ท่านจะนำไปคิดเตือนสติตนเอง บอกแก่ผู้อื่นให้เชื่อ 
      เจริญพร



ครั้งที่ 4    วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2548
ศาสนาพุทธ
(คำสอนจาก หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ ต.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี)


      พระพุทธศาสนาในเมืองไทย  มีอยู่หลายนิกาย  แต่ก็ไม่มีแนวใดที่จะบอกว่า ทำชั่วแล้วอยู่อย่างสุขสบาย ใช่หรือไม่  ทำดีแล้วมีสุขต่างหาก คือสิ่งที่สอน   จริงไหม   อาตมา เตือนสติท่านให้คิด
      ในภายหน้า เมื่ออาตมาจะได้มาสู่โลกมนุษย์อีก  ก็อีกนาน ก็เพื่อบรรลุธรรมเป็นสมเด็จพระพุทธเจ้าในกัปหนึ่งข้างหน้าต่อไป  เมื่อนั้นธรรมะที่อาตมาได้นำมาสอนนั้น จะเหมือนกับธรรมะที่สอนอยู่เวลานี้ทุกอย่าง  เพราะสิ่งที่รู้นั้น เป็นพระธรรมอันบริสุทธิ์ที่อาตมาจะค้นพบ และบรรลุธรรมข้างหน้า
      ญาติโยมที่เคยเกี่ยวพันอธิษฐานร่วมกัน ก็จะได้เกิดในสมัยนั้น และเป็นศิษย์ของพระพุทธเจ้าในยุคนั้น คือ อาตมา
      อาตมา คือ หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ ต.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี  ได้สอนคำสอนนี้แก่ผู้ฟัง (คือ ผู้รวบรวม) เพื่อนำมาบอกกล่าวแก่ทุกท่านให้ได้รู้ 
      เจริญพร....


      
ครั้งที่ 5    วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2548
หนี้กรรม
(คำสอนจาก หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ ต.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี)


      นรกภูมิ เต็มไปด้วยคนชั่ว ก็เพราะว่า มนุษย์ กล้าทำบาปกัน  ไม่คิดว่า เมื่อตายไป จะต้องตกนรก รับทุกขเวทนาแค่ไหน 
      นานมาแล้ว ณ ชาติภพสมัยหนึ่ง  คนทำความดีกันมาก ไม่กล้าทำชั่วกันนัก สมัยนั้นโลกสุขสงบ  เพราะทุกคนเกรงตกนรกรับกรรมกันมาก  เพราะมีพระธรรมของพระพุทธเจ้ามาเทศน์โปรดให้ได้รู้  เตือนสติ ให้ได้คิดและเชื่อเรื่องนี้
      โลกสวรรค์ จึงมากด้วยพระพรหม ผู้ปฏิบัติกรรมฐาน และเหล่าเทพบุตร เทพธิดา หมู่เทพนานา นับได้มากมหาศาลทีเดียว
      แต่ปัจจุบัน โลกสวรรค์ มีเทพบุตร เทพธิดา พระพรหม น้อยมาก ก็เพราะว่า มนุษย์ไม่รู้ว่า โลกนี้มีอยู่  สวรรค์มี  นรกก็มี
      นรกนั้นทุกข์แค่ไหน  ถ้าหากผู้ได้ปฏิบัติสมถกรรมฐาน  ก็จะรู้ได้ว่า นรก นั้นทุกข์ทรมาน และสวรรค์มีความสุขมาก ชั้นพรหม และอรูปพรหมเป็นเช่นไร
      สวรรค์นั้น อยู่ห่างจากศีรษะมนุษย์เหนือขึ้นไปหลายกิโลเมตร  มีทิพย์วิมานอันมีสุขสบาย  มีดนตรีขับกล่อม รื่นเริง  มีเทพบุตร เทพธิดาร่ายรำ เล่นดนตรี อย่างมีความสุขที่สุด  ไม่อยากกลับมาเกิดในโลกมนุษย์
      ส่วนคนที่รับกรรมในนรกนั้นเล่า ก็ลำบากที่สุด  ส่งเสียงโอดครวญนานา ร้องไห้อย่างน่าสงสาร ก็เพราะกรรมที่เขากระทำขึ้นเอง  ไม่มีใครบังคับเขาทำ  เพราะใจสั่งตนเองแท้ทีเดียว นี่แหละทุกข์อีกแบบหนึ่งที่มนุษย์ไม่ค่อยรู้ว่ามีอยู่
      เจริญพร....



ครั้งที่ 6    วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2548
ดอกบัวปัญญา
(คำสอนจาก สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร)


      ดอกบัวปัญญา  หมายถึง ดอกบัวของผู้มีบุญ ที่สร้างขึ้นด้วยปัญญา  อาตมาได้มาเทศน์ครั้งนี้ ดีใจยิ่ง เพราะ (ผู้รวบรวม) ได้ขอให้อาตมาเทศน์สอนแก่มนุษย์ ก็เพื่อให้มนุษย์ได้รู้ว่า คำสอนที่รวบรวมไว้นี้  ต้องการให้ท่านมีปัญญา รู้แจ้ง มีความสว่างแก่ตนเองด้วยปัญญา
      อาตมา คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆังฯ กรุงเทพมหานคร ได้มาเทศน์สอน ก็เพื่อหวังให้ผู้ฟัง ได้คิด ได้จำ และปฏิบัติตาม 
      ในอดีตอาตมาเคยมาในโลกมนุษย์ มาเป็นหลวงพ่อโต สมเด็จฯ (โต) ของท่าน  เป็นพระนักปฏิบัติ  เทศน์โปรดโยมอุบาสก อุบาสิกา ทั้งหลายเสมอในสมัยอดีต  แต่เมื่อไร้สังขาร  อาตมาก็ไม่มีเสียงเทศน์ให้ผู้ฟังได้ยินอีก  ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่อาตมาจะเทศน์ได้ยาว เพื่อให้ผู้ฟัง (โยม) ทั้งหลายได้ฟังกัน
      อาตมา อยากจะให้ผู้ฟัง (โยม) รู้จักธรรมะของพระพุทธเจ้า ที่สอนว่า การทำความดี ทำได้ทุกแห่ง เชื่อไหม....
      อาตมานี้ เกิดมา ทำความดี  ไม่กล้าทำชั่ว  เพราะเกรงบาป  แต่มนุษย์อย่างผู้ฟัง (โยม) ไม่เหมือนอาตมา เพราะกิน และถ่ายกัน แล้วก็มีทำกันให้มีลูกอย่างพิสดาร จนน่าอายจริง ๆ 
      อาตมา เทศน์ตรง ๆ เพราะอยากให้ผู้ฟัง (โยม) ละอายกันว่า สมัยอดีตนั้น ไม่มีวิธีพิสดารขนาดนี้  เกรงฟ้าดินจะลงโทษ  เกรงบาปเกรงกรรม  แต่ผู้กระทำสมัยปัจจุบัน ลืมคิดกันว่า ผีมีอยู่ทั่ว  วิญญาณมีอยู่มาก  เทพเบื่อมนุษย์ เพราะโลกีย์มนุษย์ ราคะมนุษย์จัด   เหม็นราคะ  ไม่มีศีลห้าที่บริสุทธิ์   กระทำชั่วกันอย่างลืมตัว  สร้างกรรมกันจนตกนรกกัน จนพื้นที่ในนรกแออัดทีเดียว
      มนุษย์สมัยนี้  รู้กันว่า โกงแล้วรวย  ทำบาปแล้วมีหน้าตา  กินสินบน  กินเงินทองแผ่นดิน  บาปมาก ๆ ตายแล้วต้องเป็นเปรต ถูกไฟเผาอีกหลายชาติ  ต้องรับกรรมอย่างทรมาน  เชื่อไหม
      อาตมานี้ คิดเสมอว่า หากไม่สงสารคนดี ๆ ในโลกที่ยังมีอยู่  ก็อยากจะอยู่สวรรค์ชั้นพรหมเท่านั้น  ปฏิบัติธรรมสร้างความเพียร เพื่อความพ้นทุกข์
      มนุษย์ ถ้ารู้จักคิด รู้จักว่า บาป ที่ทำขึ้นแล้ว ให้โทษเพียงไร  จะได้ทำบาปน้อยลง  คนชั่วก็น้อยลง
      อาตมา ปลงสังเวชอย่างมาก ที่ได้รู้ว่าคนทำชั่วกันมากขึ้น  ละอายที่สุด ที่รู้ว่า พระทำบาป  ทำบัดสีขึ้น  อายมากที่จะบอก อาตมาก็เป็นพระ  แต่คนละรูป กับผู้ที่ห่มเหลืองจอมปลอม ลวงคนอื่นว่าตนมีศีล อนาถแท้
      เจริญพร...



ครั้งที่ 7    วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2548
บ่อแห่งบาป
(คำสอนจาก สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร)


      ?บ่อแห่งบาป? คือ นรกภูมิ ที่คนชั่วต้องไปรับกรรมอย่างทุกข์ทรมาน 
      อาตมา ต้องการสอนให้ผู้ฟัง (โยม) ได้รู้ว่า โทษของการรับกรรมนั้นสาหัสที่สุด ไม่สบาย แต่ทุกข์มาก
      หากผู้ฟัง (โยม) ต้องการรู้ว่านรกนั้นอยู่อย่างไร ก็จงปฏิบัติสมถกรรมฐาน ก็จะได้รู้ว่านรกนั้นมีสภาพเช่นไร 
      โลกสวรรค์ นั้น ต่างกับนรก ก็คือ ความสุข และ ความทุกข์  ผู้ฟัง (โยม) จะเลือกไปอยู่ที่ใด ก็เลือกได้   อาตมา ไม่อยากไปนรก  จึงไม่ทำชั่ว  ทุกวันนี้ อาตมา ต้องมาสอนความรู้แก่เหล่าสัตว์ในนรก ในวันที่มีการเชิญจากพญายมให้อาตมาโปรดสัตว์ ที่เป็นคนไทย  ให้รู้จักการทำความดี  ได้เทศน์สอน อบรมความรู้ เพื่อให้วิญญาณบาปรู้จักกุศล  มีจิตใจสะอาดขึ้น 
      อาตมาจะสอนเขาเรื่อง หนี้กรรม ผลแห่งกรรม ที่เขากระทำว่า บาปที่ทำแล้วนั้น จงอย่าเสียใจ  ทุกคนมีบาป จึงต้องมารับกรรมในนรก  แต่เมื่อสิ้นกรรมแล้ว จะได้ไปเกิดใหม่ตามกรรมของตนเองทุกคน  ไม่มีการลงทัณฑ์อย่างหนักแบบนี้ 
      ในนรกนั้น มีหลายเชื้อชาติ มี ไทย จีน แขก ญวน เวียดนาม ทุกชาติ หรือแม้แต่ฝรั่งมังค่า ก็มีทั้งหมด หัวแดง หัวดำ มีอยู่มาก  แต่ทุกคนก็ต้องรับกรรม       ทุกคนสีหน้าอมทุกข์   มารู้ตัวก็เมื่อสาย   
      อาตมาลงนรกไปโปรดเขา      ก็เพราะสงสาร อยากช่วยสอนธรรมะแก่สัตว์นรกให้รู้จักสร้างความดีต่อไปในภพใหม่  ลืมความทุกข์สาหัสนี้ไป
      เจริญพร...


ครั้งที่ 8    วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2548
บุญกรรมฐาน
(คำสอนจาก สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร)


      ?บุญกรรมฐาน? คือ บุญแห่งการทำจิตสงบ  ไม่ใช่บุญแห่งการกำหนดจิตตามอารมณ์จนฟุ้ง ที่เรียกว่า การนึกคิดไปเอง
      ผู้ที่ปฏิบัติได้ข้อนี้ จะเข้าใจว่า การทำจิตสงบนั้น จะต้องมีอารมณ์นิ่ง ไม่ฟุ้งอารมณ์   มีจิตสงบนิ่ง  มีจิตใจเป็นเอก สงัดจากความฟุ้งต่าง ๆ  ไร้สิ่งปรุง นี่แหละจึงจะเกิดบุญขึ้นได้
      ทุกคนที่ปฏิบัตินั้น จะต้องมี ?ครู? เป็นผู้สอน  อาตมา คือ ศิษย์พระพุทธเจ้าคนหนึ่ง ที่ปฏิบัติตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า   เชื่ออย่างเข้าใจ  อย่างมีปัญญา ไม่ดื้อแย้งคำสอนที่มีอยู่ 
      การปฏิบัติกรรมฐาน นั้น มีสองขั้น คือ สมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน  การเจริญกสิณ ที่อยู่หมวดสมถกรรมฐาน เป็นการปฏิบัติขั้นต้น เป็นพื้นของการปฏิบัติเจริญจิตของมนุษย์ให้สงบได้ ในกรรมฐาน 40 แนวทางที่มีอธิบายในสมถกรรมฐานของพระอภิธรรมนั้นได้แสดงไว้อย่างละเอียด 
      อาตมา ศึกษาตามขั้นตอน  ไม่หนีวิธีครู ปฏิบัติตามอย่างเชื่อฟัง จึงได้บรรลุฌานอันมีฤทธิ์  มีปัญญาได้ดังนี้    ขอให้ผู้ฟัง (โยม) นำวิธีการไปปฏิบัติตาม จะได้เกิดผลแก่ตนเองต่อไปข้างหน้าได้
      เจริญพร...

****************************************************************************************************
สำหรับตอนต่อๆ ไปจะทยอยอัฟให้ ทุกท่านได้ อ่านกันต่อไปน่ะ ครับ  ยิ้มเท่ห์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 03, 2009, 05:17:13 AM โดย golfreeze » บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
หน้า: [1]
พิมพ์
กระโดดไป: