กรรมที่เรากระทำไว้ ไม่ว่าจะนานสักเท่าไหร่ก็ตาม เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมก็ย่อมแสดงผลออกมาอยู่นั่นเอง การกระทำกรรมชั่วจึงเหมือนกับเป็นการวางกับดักให้กับตนเอง เมื่อไหร่ก็ตามที่กำลังแห่งกรรมดีแผ่วเบาลง กรรมชั่วก็ย่อมให้ผลร้ายอยู่นั่นเอง ต่อไปนี้เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของผู้กระทำกรรมชั่วไว้ในอดีต และในวันหนึ่งมันก็แสดงผลออกมาให้เห็นโดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัว
ณ หมู่บ้านหนองกก อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม มีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ชื่อ “บุญนา” เป็นคนขยันขันแข็งและเอาจริงเอาจังในการทำงาน ครอบครัวของบุญนาทำอาชีพเกษตรกรรม ทำไร่ทำนา หน้าที่ของบุญนาคือการไปช่วยพ่อแม่ทำไร่ทำนาและเลี้ยงควาย ตามประสาลูกชาวนา การที่เขาเป็นคนขยัน นับว่าเป็นที่ภาคภูมิใจของผู้เป็นพ่ออย่างมาก พ่อจึงพยายามสอนบุญนาให้รู้จักทำงานต่างๆ เช่น การไถนา ซึ่งในสมัยก่อนนั้น การไถนาจะต้องใช้ควายเทียมคันไถจริงๆ ไม่ได้ใช้รถอย่างปัจจุบัน บุญนาได้ฝึกฝนวิชาชีพนี้กับพ่อตั้งแต่เขายังไม่จบชั้นป.6 ด้วยซ้ำไป
ในช่วงเวลานั้นบุญนาบอกว่า การทำนาแบบนั้นก็สนุกดี ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นความยากลำบากแต่ประการใด เพราะคนอื่นๆ ในละแวกนั้นก็ทำกันอย่างนั้นทุกคน เมื่อบุญนาได้ฝึกวิชาชีพจนชำนาญแล้ว พ่อก็ปล่อยให้บุญนาไปไถนาเองคนเดียว ซึ่งนับว่าเบาแรงพ่อไปได้เยอะ วันหนึ่งพ่อใช้ให้บุญนาไปไถนาตามปกติ แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็มักจะเกิดขึ้นเสมอ
วันนั้นอากาศร้อนจัดมาก บุญนาไถนาตั้งแต่รุ่งเช้าจนสาย หิวข้าวก็หิว ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดมาก เท่านั้นยังไม่พอ ควายก็พลอยสร้างเหตุให้เขาต้องอารมณ์เสียด้วย เพราะระหว่างนั้นเอง ควายที่ต้องลากไถอยู่หลายชั่วโมง มันคงหมดแรง และเหนื่อยจากอากาศที่ร้อนจัด จึงทิ้งตัวลงนอนเอาดื้อๆทั้งๆที่ยังเทียมคันไถอยู่ บุญนาเห็นสภาพเช่นนั้นก็พยายามใช้เชือกตีให้มันลุกขึ้นลากไถต่อไป แต่ตีอย่างไรมันก็ไม่ยอมลุก เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงเริ่มโกรธหนักขึ้นเรื่อยๆ หาก้อนดินขว้างปาใส่มัน แต่มันก็ยังนอนเฉย ทั้งๆที่ก็คงเจ็บไม่เบา เพราะทุกครั้งที่บุญนาตีมันด้วยเชือกนั้น เขาฟาดมันอย่างเต็มแรง แต่มันคงจะไปต่อไม่ไหวจริงๆ
สภาพของควายที่หมดแรงเช่นนี้ แทนที่บุญนาจะรู้สึกสงสารมัน เห็นอกเห็นใจมัน แต่ไม่เลย เขากลับคิดว่า มันยั่วโมโห ไม่ยอมทำตามที่เขาต้องการ จนเขาไม่รู้จะทำอย่างไรจึงจะทำให้มันลุกขึ้นได้ พยายามลากมันจนสุดแรงก็แล้ว พยายามตีมันก็แล้ว แต่มันก็ยังนอนเฉยไม่ยอมลุกขึ้น บังเอิญบุญนาเหลือบมองไปเห็นค้อนขนาดใหญ่วางอยู่แถวนั้น เขาจึงไปหยิบมาและฟาดมันอย่างเต็มแรง คราวนี้มันคงทนเจ็บไม่ไหวจริงๆ จึงลุกขึ้นยืน บุญนาจึงปลดไถที่เทียมตัวของมันออก แล้วก็จูงมันไปที่หลัก
เมื่อมาถึงหลักที่เคยล่ามมันไว้ประจำ เขาจับมันผูกกับหลัก แต่ไม่ได้ทิ้งให้เชือกยาวเพื่อปล่อยให้มันกินหญ้าได้สะดวกเหมือนเดิม เขากลับผูกมันให้เหลือเชือกสั้นไม่ถึงศอก จนจมูกมันแทบติดอยู่กับหลัก หลังจากที่ผูกมันไว้แน่นหนาและรู้ว่ามันไปไหนไม่รอดแล้ว บุญนาก็ใช้กำปั้นของตนเองชกไปที่ตาของควายตัวนั้นเต็มแรง เขาชกไปสี่ห้าครั้ง ด้วยไฟโทสะที่ลุกโพลงอยู่ในใจ
เจ้าทุยมันคงเจ็บมาก จึงพยายามส่ายหัวหลบ ขณะที่น้ำตาของมันก็ไหลพรากๆ ด้วยความเจ็บปวด น้ำตาควาย กลายเป็นความสะใจของบุญนาซึ่งคิดว่าตนคือผู้ชนะ แต่เขาก็ยังไม่พอใจ ไม่รู้ว่าตอนนั้นอะไรมาดลใจให้เขาเป็นเช่นนั้น เขากำหมัดแน่นแล้วชกเปรี้ยงลงไปที่ตาของ มันอีกหลายครั้ง กะว่าจะทุบให้ตามันแตกคามือไปเลย!! กว่าที่ความโกรธของบุญนาจะเบาบางลงไป ควายก็แทบเอาชีวิตไม่รอด พอเขาชกจนหมดแรงและรู้สึกเจ็บมือแล้ว ความโกรธเกลียดที่มีอยู่ในใจจึงค่อยๆ ลดลง เขาเดินหนีเข้าบ้านไป โดยไม่สนใจมันเลย ปล่อยให้จมูกของมันติดอยู่กับหลักอย่างนั้นครึ่งค่อนวันเต็มๆ โดยที่มันไม่สามารถเดินไปกินหญ้าได้เลย ช่างเป็นการลงโทษที่โหดร้ายทารุณมาก
จนกระทั่งถึงเวลาเย็น บุญนาซึ่งนอนพักอยู่ในบ้าน จึงนึกถึงควายตัวนั้นขึ้นมาได้ ความเมตตาสงสารค่อยคืน สู่หัวใจของบุญนา เขาเริ่มรู้สึกว่า ที่ตนเองทำไปนั้นมันเกินกว่าเหตุ จึงรีบออกไปที่ทุ่งนาและปล่อยควายให้มันกินหญ้าตามปกติ วันเวลาผ่านไปจนกระทั่งบุญนาเรียนจบมัธยม และได้เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี จนกระทั่งจบสมตามที่พ่อปรารถนา บุญนาได้สอบบรรจุเป็นครู และได้ไปสอนที่จังหวัดสระแก้ว ซึ่งไกลจากบ้านเกิดของเขามากทีเดียว
ระหว่างที่เขามาเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนในจังหวัดสระแก้วนี้เอง ผลกรรมที่เคยทำไว้ก็ตามมาทันโดยที่เขาไม่รู้ตัว โดยจู่ๆวันหนึ่งบุญนาก็รู้สึกว่าปวดตาขึ้นมาอย่างหนัก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร ทั้งๆที่ไม่ได้ไปโดนอะไรแม้แต่น้อย และอาการปวดนั้นก็หนักหนาสาหัสมาก แทบจะเรียกได้ว่า อยากจะควักลูกตาออกมาเลย บุญนารีบไปหาหมอที่โรงพยาบาล เมื่อหมอตรวจเช็คแล้ว ก็บอกว่าปกติดี ไม่ได้เป็นอะไร แต่พอตกกลางคืนก็รู้สึกปวดขึ้นมาอีกโดยไม่มีสาเหตุ เป็นอยู่แบบนี้หลายครั้ง ทั้งๆที่เขาก็ไปหาหมอตลอด แต่หมอก็ไม่เคยเจอโรคอะไรเลยแม้แต่ครั้งเดียว และบอกว่าปกติดีทุกครั้ง
เมื่ออาการปวดตาเป็นอยู่บ่อยครั้ง ในใจของบุญนาก็ค่อยๆคิดถึงควายตัวนั้น หวนนึกถึงภาพที่เขาเคยทำกับมันไว้ ทุกครั้งที่เขาปวดตามาก อยากจะเกา อยากจะบีบนวด เหมือนปวดที่อื่นก็ทำไม่ได้ ต้องนอนปิดหน้า น้ำตาไหลอยู่ตลอด ด้วยความเจ็บปวดทรมาน จนกระทั่งตาของเขาค่อยๆ มืดมัวลงเรื่อยๆ จนแทบมองอะไรไม่ค่อยเห็น นี่คือผลแห่งกรรมที่ให้ผลทันทีในชาตินี้ เราทั้งหลายพึงระวังอย่างยิ่งในการกระทำกรรมต่างๆ อย่าปล่อยให้กรรมชั่วมาทำให้ตนเองต้องทุกข์ทรมานอย่างบุญนา
ปัจจุบันบุญนาพอมองเห็นบ้าง แต่ก็มักจะเป็นภาพลางๆ เขาพยายามทำบุญกุศลอุทิศไปให้กับควายตัวนั้น ซึ่งมันได้ตายจากไปแล้ว เขาคิดว่ากรรมดีน่าจะช่วยทำให้เขามีความสุขได้บ้าง และไม่หลงผิดไปทำชั่วอย่างที่เขาได้เคยกระทำผิดพลาดมาแล้ว