KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับภาวนา เจริญสติ และ ปัญญา กับแนวปฏิบัติภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน 4ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับธรรมะ ที่พุทธศาสนิกชนควรทราบ เพื่อเข้าใจในสัมมาทิฏฐิรบกวนถามหน่อยครับ
หน้า: [1]
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: รบกวนถามหน่อยครับ  (อ่าน 18693 ครั้ง)
mankho2001
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 1
**

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 2
กระทู้: 64


ดูรายละเอียด อีเมล์
« เมื่อ: กันยายน 24, 2011, 09:55:12 PM »

ใจจะสุขได้อย่างไร
บันทึกการเข้า
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3605


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 26, 2011, 10:07:04 AM »

ฮ่าๆๆ มีหลายอย่างที่ทำให้ใจเป็นสุขได้ครับ เช่นการทำทาน ถือศีล ภาวนา

แต่ผมว่าพื้นฐานเลย ก็ต้องรักษาใจ โดยการมีศีลรักษาใจ อ่าครับ ใจก็เป็นสุขได้ ฮ่าๆๆๆ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
phonsakw
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 1
**

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 2
กระทู้: 94


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2011, 01:33:18 AM »

ใจจะสุขได้อย่างไร?

ตอบ

ต้องให้นิยามคำว่าสุขทางใจก่อนซิครับ  เพราะสุขทางใจ มันมีหลายอย่างหลายระดับ

1. สุขทางใจ  ที่เกิดจากร่างกายต้องเสพหรือได้ สิ่งใดในโลกมาบำเรอ ปรนเปรอ  หรือได้จากเสพสิ่งที่ตนพอใจ บางคนบ้ากามมาก  ยิ่งเสพกามยิ่งสุข  แต่เป็นสุขไม่ถาวร  บางคนบ้าเงิน  บ้าอำนาจ  ยิ่งเสพเงิน เสพอำนาจยิ่งสุข  แต่ก็เป็นสุขไม่ถาวรเช่นกัน ฯลฯ  ซึ่งล้วนเป็นสุขไม่ถาวร  พอไม่ได้เสพ ความทุกข์ก็จะตามมา

สุขทางใจจากการได้เสพ  ที่ถาวรกว่าการเสพแบบอื่น คือ  เสพความสุขทางใจอยู่กับคนที่เรารัก เช่น ได้อยู่กับ ย่า ยสย ปู่ แม่ ลูก เมีย(ผัว) หลาน เป็นค้น

2. สุขทางใจ  ที่ได้จากการให้  เช่น บางคนชอบช่วยเหลือคนอื่น  เขาก็มีความสุขจากการให้ หรือได้ช่วยเหลือคนอื่น

สุขทางใจจากการให้  ประเสริฐกว่าสุขทางใจจากการได้สิ่งของมาเสพ  แล้วมีความเสี่ยงน้อยกว่าที่จะตกไปสู่อบายภูมิเมื่อตายจากโลกนี้ไป

3. สุขอีกชนิดหนึ่ง คือสุขจากฌานในแต่ละระดับ  สุขตัวนี้ถาวรกว่าสุขจากการให้ และสุขจากการเสพสิ่งต่างๆในโลก  และก็หาสุขนี้ได้ตลอดด้วยตัวเอง

4. มีอีกสุขหนึ่งที่ถาวรกว่าสุขแบบอื่น  นั่นคือสุขจากการไม่ยึดมั่นถือมั่น และละวางจากสิ่งภายนอกที่เข้ามากระทบใจทั้งหมด  ถ้าละวางได้หมด ไม่ยึดมั่นในทุกอย่างในโลก  เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างเป็นอมตะตลอดไป  เมื่อร่างกายมนุษย์ตายไป  จิตพุทธะของเขาก็จะไม่ตาย  และจิตพุทธะนั้น จะสร้างร่างกายที่ถาวรขึ้นมาใหม่  โดยไม่ต้องเสพหรืออาศัยสิ่งใดให้ดำรงอยู่  ร่างกายที่จิตพุทธะสร้างขึ้นมา เรียกว่า "อายตนะนิพพาน หรือธรรมกาย"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 03, 2011, 02:00:30 AM โดย phonsakw » บันทึกการเข้า
ballzazazz
สมาชิกใหม่
*

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 2
กระทู้: 23


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: ตุลาคม 24, 2011, 12:52:26 AM »

ใจจะสุขได้อย่างไร
ผมบอกให้นะครับ ก่อนอื่นต้องมี ศีล ภาวนา และจึงจะเกิดสมาธิ ละเมื่อมีสมาธิย่อมหาทางออกทางแก้ไขการไม่ทำให้จิตเป็นทุกข์ครับ  ยิ้ม
บันทึกการเข้า
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3605


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: ตุลาคม 24, 2011, 08:47:11 AM »

ใจจะสุขได้อย่างไร
ผมบอกให้นะครับ ก่อนอื่นต้องมี ศีล ภาวนา และจึงจะเกิดสมาธิ ละเมื่อมีสมาธิย่อมหาทางออกทางแก้ไขการไม่ทำให้จิตเป็นทุกข์ครับ  ยิ้ม

ใช่ครับผม ศีลเป็นเหมือนปราการด่านแรก ที่สำคัญมาก ศีลที่สำคัญคือ การรักษาใจให้เป็นปกติ ครับผม
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
loadlike
สมาชิกใหม่
*

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 0
กระทู้: 5


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2011, 09:19:56 PM »

สุขกายสุขใจ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
พิมพ์
กระโดดไป: