แม้คนเราผิดจริงความผิดนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของอัตตา
ปุ่มปมอัตตาฝังรากอยู่ในจิตใจมนุษย์แน่นหนา
แต่กิ่งใบของอัตตากลับเปราะบางและอ่อนไหว
จึงไม่มีอัตตาใดอยากโดนกระทบ
เหมือนกับแผลสดที่ยังรักษาไม่หาย
แม้แตะแผ่วเพียงใดก็ปวดแสบปวดร้อนอยู่ดี
การติติงด้วยความหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดีๆ
จึงมีอะไรมากกว่าการเอาความจริงมาพูด
และมีอะไรน่าทำกว่าการปาลูกดอกเข้าเป้าตรงๆ
หลีกเลี่ยงการกระแทกอัตตาด้านร้าย
แต่สัมผัสให้ถูกอัตตาด้านดี
อัตตาด้านร้าย คือ
ความรู้สึกว่าตัวเองดีแล้ว ว่าไม่ได้แล้ว
ส่วนอัตตาด้านดี คือ
ความรู้สึกว่าตัวเองยังขาด ยังอยากฟังคนชี้ทาง
อัตตาด้านร้ายมักถูกยกขึ้นมาตั้งการ์ด
เพราะโลกนี้ลุกเป็นไฟด้วยโทสะของนักด่าทอ
หวังประทุษร้ายให้ใครต่อใครบาดเจ็บ
แต่อัตตาด้านดีถูกปลุกได้
เพราะบางส่วนของโลกยังมีน้ำใจเย็นๆของนักติติง
ผู้หวังสะกิดใจใครต่อใครให้เกิดสำนึก
คนที่ติติงให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางดีนั้นดูง่าย
เริ่มขึ้นมา หน้าตาและน้ำเสียงจะน่าฟัง
คำพูดมักตั้งต้นด้วยอะไรเช่น
"ผมเข้าใจ ผมก็เคยเป็นแบบคุณ"
หรือ "ดิฉันรู้ดี เคยผ่านตรงนั้นมาแล้ว"
และต่อยอดด้วยการ ‘เล่าใหัฟัง’ ว่าผ่านมาได้อย่างไร
ซึ่งเป็นการเบี่ยงเบน
โดยเอาอัตตาตัวเองมาเป็นเป้าล่อแทนอัตตาคนฟัง
เมื่อชำนาญแล้ว มีจิตแบบนักติติงชั้นดีแล้ว
ก็ไม่จำเป็นต้องขึ้นต้นด้วยการล่อเป้าเสมอไป
อาจเป็นการเตือนตรงๆ พุ่งเป้าตรงๆเข้าตัวคนฟัง
โดยแน่ใจแล้วว่าหน้าตา สุ้มเสียง และคำพูด
ออกมาจากใจที่มีเมตตาจริง ไม่ใช่แกล้งทำเป็นเมตตา
เมตตาที่แท้จะปลุกสำนึกด้านดีให้ตื่นเสมอ
ขณะที่โทสะดิบๆจะกระแทกอัตตาด้านร้าย
ให้ออกมาปกป้องตัวเองร่ำไป
— แนะนำหนังสือ
ชื่อหนังสือ: เซนในการทำงานอย่างเซียน
เนื้อหา: อาศัยงานประจำเป็นเครื่องฝึกสมาธิแบบเซน
ดาวน์โหลดอีบุ๊กฟรี:
http://dungtrin.com/zenสั่งซื้อออนไลน์: เล่มละ ๒๙ บาท
http://bit.ly/1gRNRUBดูวิธีสั่งซื้ออย่างละเอียดได้ที่
http://bit.ly/1iISnJz