มะม่วง (Mangifera indica L.)มะม่วงหรือที่ชาวฮินดูเรียกว่า ?อะมะ? หรือ ?อะมะริ? นี้ ตามพระพุทธประวัติ กล่าวว่าพระพุทธเจ้าได้เสด็จไป ประทับอยู่ในสวนอัมพวารามของหมดชีวกโกมาลพัตร ซึ่งเป็นป่ามะม่วง มีต้นมะม่วงขึ้นมากมาย และอีก ตอนหนึ่งในขณะที่พระพุทธเจ้าได้ไปพำนักอยู่กับกัสสปฎิลดาบส พระฤษีตนนั้นก็กราบทูลนิมันต์ภัตกิจ พระองค์ก็ตรัสให้พระฤษีไปก่อน ส่วนพระองค์ได้เสด็จเหาะไปเก็บผลมะม่วง หว้า ฯลฯ แล้วเสด็จไปสู่ดาดึงษ์เทวโลก นำเอาปาริฉัตรพฤกษชาติกลับมา พระองค์ยังเสด็จมาถึงก่อนฤษีตนนั้นเสียอีก
มะม่วง เป็นพันธุ์ไม้สกุล Mangiferaในวงศ์ไม้มะม่วง ( ANACARDIACEAE) นับว่าเป็นวงศ์ที่ประกอบด้วย ไม้มีค่าทางเศรษฐกิจมากวงศ์หนึ่ง เป็นไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 10 - 40 เมตร ไม่ผลัดใบ ลำต้นเปลาตรง เปลือกสีเทาหรือสีน้ำตาล ค่อนข้างเรียบ ถ้าสับเปลือกจะมียางใส ๆ ซึมออกมา ยางนี้เมื่อถูกอากาศนาน ๆ จะเปลี่ยนเป็นสีดำ และยางนี้เป็นอันตรายต่อผิวหนังของคนด้วย เรือนยอดเป็นพุ่มกลม ใบรูปขอบขนานแกมรูปหอก เนื้อใบหนาเขียวเป็นมัน ดอกเล็กสีเขียวอ่อน ๆ หรือเหลืองอ่อน ๆ รวมกันเป็นช่อใหญ่ ตามปลายกิ่งช่อจะตั้งขึ้น และมีขนประปราย ผลกลมหรือรูปรี ๆ หรือรูปหัวใจ มีเนื้อเยื่อมาก ผลสุกจะเละและผิวมีสีเหลือง ใช้รับประทานได้ มีรสหวาน ผลดิบก็ใช้รับประทานเช่นกันแต่มีรสเปรี้ยว นอกจากจะใช้ผลรับประทานแล้วใบอ่อนยังใช้รับประทาน ได้เช่นกัน เนื้อไม้มีลายสวยเหมาะแก่การทำเครื่องตกแต่งบ้าน ทำพื้น และเครื่องแกะสลักมาก
มะม่วง เป็นพันธุ์ไม้ดั้งเดิมในแถบเอเชียเขตร้อนทั่วไป ต่อมาได้มีการผสมพันธุ์ และปรับปรุงพันธุ์ให้มะม่วงมีรสชาด ต่างๆ กันออกไป อีกมากมายหลายชนิด ดังจะเห็นได้ง่าย ๆ จากในประเทศเรา แต่ต้นพันธุ์ก็มาจากมะม่วงป่าทั้งนั้น การขยายพันธุ์ใช้เมล็ดหรือจะติดตา ทาบกิ่ง หรือตอนก็ได้ สะดวกและได้ผลทุกวิธี แต่การใช้เมล็ดพันธุ์มักกลายไปได้
จากพระพุทธประวัติเห็นว่าพระพุทธเจ้าถ้าไม่อาจเหาะเหิรได้แล้วพระองค์ท่านจะต้องเป็นพหูสูตรในการ ้ยังชีพในป่าเป็นอย่างยิ่ง สามารถทรงทราบได้ว่าที่ไหนมีผลไม้อะไรที่ใช้รับประทานได้และรู้จักทางลัด ในการเดินทางได้ดีมาก