ภาพที่เห็นอยู่นั้น แสดงถึงเหตุการณ์ตอนหนึ่งที่พระพุทธเจ้าเสด็จกลับเมืองพระญาติ แต่คราวนี้เสด็จมาลำพังพระองค์เดียว เสด็จมาเพื่อทรงระงับสงครามระหว่างพระญาติทั้งสองฝ่าย พระญาติฝ่ายหนึ่งเป็นพระญาติฝ่ายพุทธบิดา ปกครองกรุงกบิลพัสดุ์ อีกฝ่ายหนึ่งเป็นพระญาติฝ่ายพุทธมารดา ปกครองโกลิยนคร หรือ เทวหนคร ก็เรียก ทั้งสองฝ่ายตั้งบ้านเรือนอยู่คนละริมฝั่งแม่น้ำโรหิณี แล้วเกิดพิพาทกันในปัญหาเรื่องน้ำที่ทดขึ้นทำนา เมื่อฝ่ายอยู่ทางเหนือน้ำทดน้ำจากแม่น้ำเข้านา ฝ่ายทางใต้ก็ขาดน้ำ ทั้งสองฝ่ายเปิดประชุมเพื่อตกลงกันก่อน แต่ก็ตกลงกันไม่ได้ จึงเกิดปะทะคารมกันอย่างรุนแรง ถึงกับขุดบรรพบุรุษขึ้นมาประณามกัน
"ไอ้พวกสุนัขจิ้งจอกสมสู่กันเอง" ฝ่ายที่ถูกด่าว่าอย่างนี้ เพราะต้นสกุลหลายชั่วคนมาแล้ว ได้อภิเษกสมรสกันระหว่างพี่ชายกับน้องสาว
"ไอ้พวกขี้เรื้อน" ฝ่ายตรงข้ามที่ถูกด่าตอบอย่างนี้ ก็เพราะต้นสกุลเป็นโรคเรื้อน ถูกเนรเทศออกนอกเมืองไปอยู่ป่า
ทั้ง สองฝ่ายเตรียมกำลังคน คือ กำลังทหารและอาวุธจะเข้าห้ำหั่นกัน พระพุทธเจ้าทรงทราบเข้า จึงเสด็จมาทรงระงับสงคราม ทรงประชุมพระญาติทั้งสองฝ่าย แล้วทรงซักถามถึงต้นตอของตัวปัญหา
พระพุทธเจ้า "ทะเลาะกันเรื่องอะไร"
พระญาติ " เรื่องน้ำ พระพุทธเจ้าข้า"
พระพุทธเจ้า " ระหว่างน้ำ กับชีวิตคนนี่ อย่างไหนจะมีค่ามากกว่ากัน"
พระญาติ "ชีวิตคนมากกว่า พระพุทธเจ้าข้า"
พระพุทธเจ้า " ควรแล้วหรือ ที่ทำอย่างนี้"
พระญาติดุษณียภาพทุกคน ไม่มีใครกราบทูลเลย
พระพุทธเจ้า " ถ้าเราตถาคตไม่มาที่นี่ในวันนี้ ทะเลเลือดจะไหลนอง"
(โลหิตนที ปวัตติสสติ)
พระ ญาติทั้งสองฝ่ายเลยเลิกเตรียมทำสงครามกัน เหตุการณ์ตอนนี้เป็นบทบาทสำคัญตอนหนึ่งของพระพุทธเจ้า เพราะเห็นความสำคัญนี้ คนรุ่นต่อมาจึงสร้างพระพุทธรูปปางหนึ่งเป็นอนุสรณ์ที่เรียกว่า "พระปางห้ามญาติ" นั่นเอง