๒.นอกจาก ผัก ผลไม้ ที่รับประทานครบทุกสีเป็นประจำแล้ว เมล็ดธัญพืช ได้แก่ ถั่ว, ถั่วเปลือกแข็งทุกประเภท, พืชที่เป็นหัวในดิน เช่น เผือก, มัน มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก โดยเฉพาะถั่วมีสารอาหารครบทุกหมู่ (ได้แก่ คาร์โบไฮเดรทคือแป้งและน้ำตาล, โปรตีน, ไขมัน, วิตามิน, เกลือแร่หลายชนิด) คนที่กินเจควรรับประทานเป็นประจำ เพื่อบำรุงส่งเสริมให้อวัยวะหลักภายในทั้ง ๕ แข็งแรงทำงานได้ดียิ่งขึ้น ดูตามตารางดังนี้
ธาตุทั้ง ๕ สี ถั่วแต่ละสี บำรุงอวัยวะ
ธาตุไฟ แดง ถั่วแดง หัวใจ
ธาตุน้ำ ดำ ถั่วดำ ไต
ธาตุดิน เหลือง ถั่วเหลือง ม้าม
ธาตุไม้ เขียว ถั่วเขียว ตับ
ธาตุโลหะ ขาว ถั่วขาว ปอด
ถั่วทั้ง ๕ สีนี้ ราคาไม่แพงมีอยู่แพร่หลายบางทีก็ทำ เป็นของหวานต่างๆ เช่น ถั่วดำบวช, ถั่วแดงต้มน้ำตาล, ถั่ว เหลืองน้ำกะทิ(เต้าส่วน), ถั่วเขียวต้มน้ำตาลกรวด, ถั่วลิสงอบ หรือเคลือบน้ำตาล เป็นต้น
ทุกคนควรรับประทานหมุนเวียนไปให้ครบทุกสี จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ และช่วยเสริมให้อวัยวะ หลักสำคัญภายในทำงานได้ดียิ่งขึ้น
๓.ในอาหารและขนม คนกิจเจควรใช้งาปรุงผสมด้วยเสมอ ไม่ว่าจะเป็น งาขาว หรืองาดำ ในเมล็ดงามีกรดไขมันไลโนเลอิค ซึ่งจำเป็นต่อร่างกายมาก แต่ร่างกายไม่สามารสร้างขึ้นเองได้
สำหรับผู้ทำอาหารเจรับประทานเอง ให้ใช้งาขาวล้างให้ สะอาด ทิ้งให้แห้ง แล้วคั่วไฟอ่อนๆ จนสุกเหลืองพอดี จึงนำมาโขลก, บดหรือใช้เครื่องปั่นให้แตก จะได้ประโยชน์จากน้ำมันที่อยู่ใน เมล็ดดียิ่งขึ้น งาที่บดแล้วจะมีกลิ่นหอม นำมาใช้ปรุงอาหาร ขนมได้ทุกประเภท ทำให้มีรสดีหอม น่ารับประทานโดยปกติผู้ ที่กินเจควรได้รับประทานงาในปริมาณ วันละ ๒ ช้อนโต๊ะ ก็นับ ว่าเพียงพอ
๔.ผู้ที่กินเจ ไม่ควรรับประทานอาหารรสจัดเกินไป เช่น เผ็ดจัด, เค็มจัด, ขมจัด, เปรี้ยวจัด, หวานจัด รสชาติที่จัดจะส่ง ผลไปถึงอวัยวะหลักดังนี้
รสขม ส่งผลต่อ หัวใจ
รสเค็ม ส่งผลต่อ ไต
รสหวาน ส่งผลต่อ ม้าม
รสเปรี้ยว ส่งผลต่อ ตับ
รสเผ็ด ส่งผลต่อ ปอด
๕.หลีกเลี่ยงการบิรโภคของหมักดอง เช่น ผักดอง, ผลไม้ดอง, เครื่องกระป๋อง อาหารสำเร็จรูป ควรหันมารับประทานของสดๆ ผักสด, ผลไม้สด และรับประทานอาหารที่ปรุงใหม่ๆ จะให้คุณ ประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า
ที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นหลักความรู้ในการประกอบอาหาร และบริโภคอาหารเจโดยสังเขป ผู้ที่สงสัยและต้องการศึกษาเพิ่ม เติมในรายละเอียด ควรหาโอกาสสนทนาสอบถามผู้รู้ด้วยตนเอง
คุณประโยชน์จากการรับประทานอาหารเจ ๑.ร่างกายสามารถขับถ่ายของเสียออกให้หมด ทำให้ ไม่มีสารพิษตกค้างอยู่ภายใน สารอาหารที่มีคุณค่าในพืชผักสดผล ไม้ช่วยให้การขับถ่ายและการย่อยเป็นปกติ
๒.เมื่อรับประทานเป็นประจำ โลหิตจะถูกฟอกให้สะอาดขึ้น เรื่อยๆ เซลล์ต่างๆ ของร่างกายเสื่อมสลายช้าลง ทำให้อายุยืนยาว ผิวพรรณสดชื่นผ่องใส นัยน์ตาแจ่มใสไม่พร่ามัว ร่างกายแข็งแรงรู้ สึกเบาสบายไม่อึดอัด มีสุขภาพอนามัยดีมาก
๓.อวัยวะหลักสำคัญภายใน และอวัยวะประกอบทั้ง ๕ แข็ง แรงทำงานได้เป็นปกติสมบูรณ์มีสมรรถภาพสูง
(อวัยวะหลักภายในทั้ง ๕ ได้แก่ หัวใจ, ไต, ม้าม, ตับ, ปอด)
(อวัยวะประกอบทั้ง ๕ ได้แก่ ลำไส้เล็ก, ลำไส้ใหญ่, กระเพาะ ปัสสาวะ, กระเพาะอาหาร, ถุงน้ำดี)
๔.ร่างกายต้านทานต่อสารพิษต่างๆ ได้สูงกว่าคนปกติ
สารพิษที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ ได้แก่
-จำพวกสารเคมี,ยากำจัดศัตรูพืช,ยาฆ่าแมลง,สารดี.ดี.ที. ฯลฯ
-ก๊าซพิษที่เกิดจากการเผาไหม้ในอุตสาหกรรมเครื่องจักร กลฯลฯ ซึ่งแพร่กระจายปะปนอยู่ในอากาศ ที่เราหายใจอยู่เป็น ประจำรวมถึงพบในแหล่งน้ำดื่มด้วย
-สารอาหารในพืชผักช่วยให้เซลล์ต่างๆ ของร่างกายทนต่อ การทำลายจากรังสีต่างๆ เช่น กัมมันตภาพรังสีที่เกิดจากการทด ลองระเบิดนิวเคลียร์และในสงคราม
๕.ในบรรดาผู้ที่รับประทานอาหารเจอาหารพืชผัก เป็นประจำความเจ็บไข้ได้ป่วยมักไม่มีปรากฎ โดยเฉพาะโรคที่รุนแรง และ เรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง, โรคหัวใจ, ความดันโลหิตสูง, เส้นเลือดตีบ, ไขมันอุดตันในเส้นโลหิต, โรคไต, ไขข้ออักเสบ, โรคเกาต์, โรคเบา หวาน โรคที่เกี่ยวกับระบบขับถ่ายย่อยอาหารและทางเดินอาหาร เช่น โรคริดสีดวงทวาร , มะเร็งในกระเพาะ และลำไส้, โรคกระ เพาะ, อาหารไม่ย่อย โรคเหล่านี้จะไม่พบในผู้ที่รับประทานอา หารเจอาหารพืชผักและผลไม้เป็นประจำ
การรับประทานอาหารเจให้ผลทางจิตใจดังนี้ ๑.จิตใจสงบเยือกเย็น สุขุม บังเกิดเมตตาจิตอย่าง เต็มเปี่ยม อารมณ์ไม่ฉุนเฉียว ไม่หุนหันพลันแล่น ไม่โกรธง่าย เป็นพื้นฐานเบื้องต้นแก่การบำเพ็ญบารมีธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป
๒.หยุดหนี้เวรตัดกรรมผูกพัน ไม่มีศัตรูทั้งมนุษย์และสัตว์ที่ คิดมุ่งร้ายพยาบาท อาฆาต ติดตามจองเวร
๓.มีสติมั่นคง ทั้งในขณะยังมีชีวิตและยามที่จิตวิญญาณจะละทิ้งออกจากร่างไป ไม่หวั่นไหวตื่นตระหนกหวาดผวาตกใจกลัว ง่ายต่อเหตุการณ์ต่างๆ สามารถรอดพ้นจากเภทภัยทั้งหลายได้ แก่ภัยจากธรรมชาติ, ภัยจากสัตว์ร้าย, ภัยจากเคราะห์กรรม
๔.ตนเอง ครอบครัว บุตรหลาน ตลอดจนถึงบริวารบังเกิด ความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต มีเหตุให้ได้เกิดอยู่ในอารยประเทศอันอุดมสมบูรณ์ ชีวิตไม่ต้องตกอยู่ในท่ามกลางการรบราฆ่าฟันล้าง ผลาญย่ำยีซึ่งกันและกัน
๕.บรรดาเหล่าพรหม เทพ เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงต่าง สรรเสริญยินดีอวยพรให้การอารักขาคุ้มครองตลอดเวลา ไม่มีช่องทางให้วิญญาณต่ำทุกประเภท เข้าแอบแฝงแทรกสิงทำอันตรายใดๆ ได้
หลักธรรมในการกินเจ ในทัศนะของคนกินเจ การกินเจโดยที่ชีวิตผู้อื่นต้องเดือด ร้อนล้มตายมันมากเกินไป ทั้งๆ ที่มนุษย์กินแต่อาหารพืชผักก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้ คนกินเจไม่กินเนื้อไม่ใช่เพราะรังเกียจหรือ หวาดกลัวโรคภัยจากสัตว์ แต่เป็นเพราะต่างพากันสะเทือนใจที่ ได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญจากสัตว์ ไม่มีคนกินเจคนไหนทนเห็นผู้อื่นต้องถูกฆ่าโดยไม่รู้สึกเวทนาสงสาร
คนประเภทไหนกัน ที่สามารถมองดูผู้อื่นถูกฆ่าตายอย่างทุกข์ทรมาน ได้ยินเสียงร้องขอชีวิตแล้วนิ่งเฉยไม่ทำอะไรเลยบรร ดาสัตว์ทั้งหลายพูดวิงวอนไม่ได้ เพียงแต่มนุษย์ไม่กินเนื้อก็ช่วยให้สัตว์นับพันนับหมื่นชีวิตรอดตายได้ การกินเจตั้งอยู่หลักธรรม สำคัญ ๒ ประการ คือ
ข้อที่ ๑ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่นกล่าวคือ
๑.ไม่เอาชีวิตของสัตว์ทั้งหลายมาต่อเติมบำรุงเลี้ยงชีวิตตน
๒.ไม่เอาเลือดของสัตว์ทั้งหลายมาเป็นเลือดของตน
๓.ไม่เอาเนื้อของสัตว์ทั้งหลายมาเป็นเนื้อของตน
ข้อที่ ๒ ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนตนเอง
การรับประทานสิ่งใดก็ตาม ที่ทำลายสุขภาพร่างกายของตน ให้ทรุดโทรมคือการเบียดเบียนตนเอง ปัจจุบันวิทยาการเจริญก้าวหน้า ได้พิสูจน์ยืนยันว่าเลือดและเนื้อของสัตว์ที่ถูกฆ่าตายเต็มไปด้วยพิษภัยมากมาย
นอกจากนี้คนกินเจไม่บริโภคพืชผักฉุนทั้ง ๕ ได้แก่กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุ้ยฉ่าย และใบยาสูบ พืชผักทั้ง ๕ ชนิดนี้แม้ไม่ใช่ เนื้อสัตว์แต่ให้ผลร้ายต่ออวัยวะสำคัญของร่างกาย
การกินเจ ไม่ใช่เพื่อให้เกิดผลดีแก่จิตใจเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงการมีสุขภาพที่ดีอีกด้วย ร่างกายและจิตใจเป็นของคู่กัน มีความสัมพันธ์ส่งผลถึงกัน คนเราไม่อาจจะรู้สึกเบิกบานสดชื่น ร่าเริงได้ในขณะที่ร่างกายทรุดโทรมย่ำแย่
อานิสงส์ ๑๐ ข้อ ของการไม่กินเนื้อสัตว์ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า อานิสงส์ขั้นต้นของการไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่ฆ่าสัตว์ และไม่เบียดเบียนสัตว์ คือจะทำให้ชีวิตของเราไม่ต้องตายด้วยปืนผาหน้าไม้ คมหอกคมดาบ ไม่ตายด้วย เหตุกาณ์อันน่าสยดสยอง หรือภัยพิบัติต่างๆ ทั้งยังสามารถตัด กรรมในเรื่องการฆ่า และยุติการจองเวรกับสรรพสัตว์ทั้งหลายอีกด้วย
องค์สมเด็จพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระผู้เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาอันมิอาจประมาณได้ ทรงรักใคร่สรรพ สัตว์ทั้งหลาย ประดุจลูกในอุทรของพระองค์เอง เมื่อได้บรรลุอนุต ตรสัมโพธิญาณสูงสุดแล้ว ก็ยังทรงมีพระทัยห่วงใยปรารถนาให้เวไนยสัตว์ทั้งหลาย ได้หลุดพ้นออกจากบ่วงกรรม และระงับดับการจองเวรซึ่งกันและกัน ในบรรดาบาปกรรมทั้งหลาย ที่คนหลงผิดกระทำไปการ เบียดเบียนฆ่าทำลายชีวิตผู้อื่น ถือเป็นบาปกรรมที่ร้ายแรงที่สุด แม้ว่าจะกระทำลงไป โดยไม่เจตนาก็ยังต้องไปรับโทษ นับประสา อะไรกับการจงใจเจตนาฆ่าเขาให้ตาย โทษทัณฑ์นั้นจะยิ่งใหญ่หลวงและไม่อาจให้อภัยได้ ด้วยเหตุ ที่พระพุทธองค์ทรงมีพระประสงค์ให้เราทุกคนละเว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต และเลิกเบียดเบียนผู้อื่นโดยเด็ดขาด พระองค์จึงทรงบัญญัติศีลข้อ “ปาณาติบาต” คือ ห้ามการฆ่าเป็น ข้อที่สำคัญอันดับหนึ่ง
เรามาร่วมกันศึกษาพิจารณาพระพุทธวจนะ ว่าด้วยเรื่อง “อานิสงส์ ๑๐ ข้อของการไม่กินเนื้อสัตว์” เพื่อจักได้นำไปเป็นแนว ทางในการปฏิบัติ และบำเพ็ญธรรมให้สูงขึ้นไป ในพระสูตรของ พระพุทธศาสนามหายาน เล่าว่า
“สมัยหนึ่ง... องค์สมเด็จพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จไปเทศนาโปรดบรรดาเหล่าพญานาคทั้งหลาย
พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสธรรมกถาวิสัชนา แสดงแก่พญานาคราช ความว่า
“บุคคลใดหยุดการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต และงดเว้นเสียจากการเสพเลือดเนื้อสัตว์
อีกทั้งยังชี้นำส่งเสริมให้หมู่ชนทั้งหลายหยุดฆ่า หยุดเสพชีวิตเลือดเนื้อผู้อื่น”
บุคคลผู้นั้นย่อมห่างไกลจากอกุศลมูลทั้งปวง และบริบูรณ์พร้อมด้วยอานิสงส์ทั้ง ๑๐ ประการอันได้แก่
๑.เป็นที่รักใคร่ของเทพพรหมตลอดจนมนุษย์ และสัตว์ทั้งหลาย
๒.จิตอันเป็นมหาเมตตาย่อมบังเกิดขึ้น
๓.สามารถตัดขาดความอาฆาตดับอารมณ์เหี้ยมโหดเครียดแค้นในใจลงได้
๔.ปราศจากโรคภัยร้ายแรงมาเบียดเบียนร่างกาย
๕.มีอายุมั่นขวัญยืน
๖.ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากวัชรเทพทั้งแปด
๗.ยามหลับนิมิตรเห็นแต่สิ่งที่ดีงามเป็นศิริมงคล
๘.ย่อมระงับการจองเวร สลายความอาฆาตแค้นซึ่งกันและ กัน
๙.สามารถดำรงอยู่ในกระแสแห่งนิพพานไม่พลัดหลงตกลง สู่อบายภูมิ
๑๐.ทันทีที่ละสังขารจากโลกนี้ จิตญาณจะมุ่งสู่คติภพ
ขอบพระคุณข้อมูลจาก พี่ทรวง นะครับ
รูปโดย golfreeze[at]packetlove.com