KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับห้องนั่งเล่น คุยกันสบายๆตามประสาชาวกรรมฐานคุยกันสบายๆ ตามประสาชาวกรรมฐาน.คอมความสับสนเรื่องพระพุทธเจ้ากับความเป็นพุทธะ
หน้า: [1]
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ความสับสนเรื่องพระพุทธเจ้ากับความเป็นพุทธะ  (อ่าน 9881 ครั้ง)
Sinhbat
สมาชิกใหม่
*

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 0
กระทู้: 19


ดูรายละเอียด อีเมล์
« เมื่อ: ธันวาคม 01, 2011, 05:09:29 PM »

จาการอ่านดูการนำเสนอของพวกเป็นธรรมกายลึกหรือพวกบอกว่าตนศึกษาลึกซึ้งนั้นบอกว่าผมเป็นพระพุทธเจ้าบ้าง คุณเป็นพระพุทธเจ้าบ้าง
ผมเองศึกษาธรรมกายเหมือนกันแต่ขอให้พิจารณาซักนิดพระพุทธเจ้าหมายถึงผู้เป็นที่พึ่งสัตว์โลกผู้ตรัสรู้เผยแพร่ธรรมแด่สพรรพสัตว์ทั้งหลาย
ส่วนพุทธะหมายถึงผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน มันต่างตรงไหน ก่อนอื่นพวกที่อวดอ้างหรือเพ้อเพราะโดนอุปกิเลสเล่นเอานั้น มักจะคิดเองเออเองบางพวกอย่างแข่งบารมี
ก็ประกาศว่าผมเป็นพระพุทธเจ้าบ้างระหว่างปรมาภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณกับการเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานต่างกัน เหมือนตรงที่หลุดพ้นแล้วจากกิเลศการสนใจแต่จะปราบนู่นปราบนี่ ทำให้เพี้ยนได้ ใครสายวัดปากนำ้น่าจะตีความหมายหลวงปู่สดออกนะครับ ผมปฏิบัติอยู่เหมือนกันการนั่งน่ะเขาไม่ใช่เรียกว่าเพ่งลูกแก้วอย่างเดียวแต่จริงแล้วเนี่ยถ้าคนฟุ้งมากเนี่ยต้องกำหนดฐานต่างๆไม่ให้เคลื่อน จึงมีฐานเยอะถึง7พระพุทธเจ้าแค่3ที่กำหนดเยอะเพราะสมัยนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ยิ่งวัตถุเจริญยิ่งเสื่อมก็มีคนไปกล่าวหาว่าท่านแข่งบารมีพระพุทธเจ้าบ้างล่ะ ท่านเป็นพระพุทธเจ้าบ้างละทำให้บางคนปรามาสหลวงปู่โดยไม่ตั้งใจอ้างว่าปฏิบัติเห็นอย่างโน้นอย่างนี้ตีความผิดหมด ไม่ตรงตามวิชาหลวงปู่นอกเรื่องเลอะเหลวหลวงปู่บอกว่าที่ไม่มีในตำรานี่คือวิธีปฏิบัติส่วนเนื้อหาในนั้นนี่มีหมดในพระไตรปิฎก ปราบมารนี่ก็คือกิเลศ มารน่ะมีห้าจำพวกใช่ไหม แต่ตัวสำคัญๆนี่ตัวนี้คือ กิเลศมาร หลวงปู่เน้นตรงนี้ แล้วพระพุทธเจ้าภาคมารก็คือ กิเลสในตัวเรานี่แหละไม่ไปไหนหรอกหากพระพุทธเจ้ามีร่างมารพระสาวกของพระองค์ก็ต้องมีร่างมาร ก็ร่างมารนี่จะอะไรซะอีกก็กิเลสในใจพวกท่านไม่ใช่หรือ
 เราชอบดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ อยากนู่นอยากนี่ไม่อยากนู่ไม่อยากนี่มันไม่ใช่หรือ ชนะอะไรไม่เท่าชนะใจตนเองมารอะไรไม่ร้ายกาจเท่ามารร้ายในใจตนเอง เลิกอยากลาหยอก รีบออกจากกาม เดินตามขันธ์สามเรื่อยไป เสร็จกิจสิบหกไม่ตกกันดาลนิพพานก็ได้ ท่านให้หลักอย่างนี้ ท่านสอนทางเห็นทุกข์ ไม่ได้สอนให้ปั้นมารให้เกิดตัวตน อัตตา
จะแน่นเอา ก็พระพุทธองค์ท่านปราบมารในตัวพระองค์โดยไม่เหลือเชื้อแล้วยังจะมีมารไปเพื่ออะไรกับพระพุทธองค์ดูเหมือนเกมส์นะคิดไม่ทันหลวงปู่นะ อย่าบอกนะว่าพระพุทธองค์นี่แบ่งร่างเป็นมารบ่้าง อัพยากฤตบ้าง เอาเข้าไป ต้นธาตุต้นธรรมก็คือพระพุทธเจ้าองค์แรก อย่าบอกนะว่าเกิดจากพระเจ้าสร้าง มันคล้ายกับตรีมูรติเลย ใส่เข้าไป แตกแยกจริงสมัยสังคยนาครั้งที่4นู่นที่เอาพราหมณ์มาร่วม พรหมภูตก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าพรหมเป็นไง พรหมที่ท่านว่าหมายถึงหมดกิเลศแล้ว สมณพราหมณ์ผู้ประเสริฐหมายเอาถึงผู้ชี้หนทางดับทุกข์ได้ แล้วเรื่องสุดกายสุดละเอียด ไปกันถึงจริงหรือ พูดอย่างกับว่า ขบวนการณ์ของมารมีรูปแบบคล้ายฟันเฟืองแน่ะ ช่างเป็นไปได้ จขว.ไม่พอใจลบได้นะครับหรือ จะย้ายไปไหนตามสะดวกเพราะนี่คือบ้านของคุณเป็นสิทธิ์ของคุณครับ
บันทึกการเข้า
the suffering
Global Moderator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 9
กระทู้: 859


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2011, 12:02:45 PM »

ท่านเรียบเรียงได้มาก พร้อมสรุปแนวคิด แต่ช่วยจัดลำดับข้อมูลเป็นหมวดหมู่  จะช่วยผู้เฒ่าให้อ่านสบายตาขึ้น

สาธุ ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
Sinhbat
สมาชิกใหม่
*

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 0
กระทู้: 19


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2011, 12:24:41 PM »

กระผมพึ่งศึกษาธรรมไหนเลยเทียบพวกท่านได้ ผมมาแก้ต่างหลวงปู่สด เพราะไปหลายเว๊บเห็นคนว่าท่านน่ะครับ สืบไปสืบมา คณะปั้นมารนี่เอง ผมเลยอยากทำความเข้าใจ ตรงนี้ ผมออกมาปกป้องธรรมกายจริงยำ้ของจริงนะพี่ท่าน 2สำนักน่ะไม่ใช่ มารน่ะคนเราเป็นได้ทั้งนั้นแหละครับ มองให้เป็นเหตุผลครับมารอย่างโน้นอย่างนี้ หากลุงพลศักดิ์แกเอามีดมาฟันผมด้วยโทสะแกไม่คิดว่ามารมันบังคับหรือครับ อย่างนี้ตายฟรีสิครับ ส่วนที่ว่าผมไม่จัดหมวดหมู่ บอกตรงๆจัดไม่ได้ แต่ทางที่ดีให้สทร.phonsakมาจัดดีกว่าครับรับรองพวกท่านได้มันส์แน่ครับฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า. (เคยดูหนังกำลังภายในไหม  ก็แบ่งพรรคพวกกัน พรรคธรรมะ พรรคอธรรม การแสดงความรู้ของตัวเองเหมือนใช้วิทยายุทธ์ แต่ต่างจากคนยึดหลัก เหตุผล เขาจะต้องคำนึงถึงปัจจัยที่ทำให้เป็น ไม่ใช่อะไรประเคนให้ผีสางเทวดามารหมด โดยลืมพื้นฐานคือกฎแห่งกรรม พวกเที่ยวด่าชาวบ้านทำให้แตกแยก เขามองอย่างนี้ พวกเราก็เหมือนกระดาษในสายตาพวกเขาที่จะละเลงอย่างไรก็ได้ ให้ดำก็ได้ เขียวก็ได้ แต่ใจเราละครับ ที่เชื่อในการทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ยึดในกฎแห่งกรรม ยึดมั่นยอมรับ ในสิ่งที่ตนกระทำ(ยิ่งลูกผู้ชายนี่เขายอมรับอย่างกล้าหาญกลัวเป็น...ไม่พูดนะครับว่ากลัวอะไร แต่ผมกลัวนะโดนมาเยอะชีวิตนี้)ก็เหมือนกับทองคำที่ไม่ว่ามันจะตกพื้นดินรอดผ้าถุงปาใส่คนให้หัวแตกก็เป็นทองคำ หรือหิมะที่ตกบนพื้นดินก็เป็นหิมะจะสีอะไรก็คือหิมะ(สนใจที่มันเป็นไม่ใช่สีกลิ่นแต่ที่เราเห็น)ป.ล.ถ้าสทร.พลซี่มาอ่านนี่คิดว่าอัตตาแน่นแน่ๆตัวลุงแกอัตตาทุกประโยคไม่ยักพูดทางโลกิยะน่ะไม่รู้มากหรอกแต่ปั้นมารจนเป็นตัวเป็นตนจนหลอนนะโดนมารเขาคืนสนอง มารไหนล่ะก็มารที่แกปั้นน่ะแหละ อีกตัวอย่างนึงเคยเล่นเกมส์ต่อสู้มั้ยเปรียบแบบนี้ดูเด็กๆ แต่ชัดใจเรามันคิดทำลาย มันปรุงแต่ง จินตนาการว่าเจอมาร ในขณะที่หลวงปู่ให้มองตน ไม่ได้ให้มองที่ไหนหรอก หลักฐานมีอยู่ก็กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรมไม่เชื่อไปดูได้หลวงปู่ให้เรารบกับอะไรแน่ ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ลองถามคนที่ตั้งใจจะบวชจริงๆสิครับ ถ้าไม่รู้ถามใคร อ่านหนังสือประวัติพระโพธิญาณเถระดูสิครับเดี๋ยวรู้ว่าท่านสู้กับอะไร อ่านของพระที่มีปฏิปทาเยี่ยมยอดสิครับ ผมไม่ได้อ่านเฉพาะหลวงปู่สดนะท่าน แต่รู้จักเยอะไหมไม่เยอะครับอายุแค่21 แต่คนอายุ19ทักเหมือนเพื่อนก็เขาไม่รู้ผมยังไหว้เขาเลยหน้าแก่กว่าผมเอิ๊กๆ (นอกเรื่องนิดนึง)ถามว่าผมเป็นใครผมเป็นคนพาลโง่โง่มากๆ เพราะยังไม่ถึงที่สุดแห่งทุกข์ยังไม่หมดกิเลสยังดีไม่พอครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
พิมพ์
กระโดดไป: