หลวงพ่อปราโมทย์ แสดงธรรมที่วัดสามพระยา เมื่อ 25 ธ.ค. 2554http://www.youtube.com/watch?v=NBO7ngwmRk0&feature=player_embeddedเวลาเราฟังธรรมนะ ตกลงกันเสียหน่อย ปิดโทรศัพท์นะ เดี๋ยวเราจะผิดศีล การเรียนกรรมฐาน ฟังธรรมะในด้านการปฏิบัติ ไม่เหมือนฟังปริยัติ ฟังธรรมะในภาคปริยัติ ผู้เทศน์ผู้สอนท่านเตรียมบทมา ส่วนธรรมะภาคปฏิบัตินั้นไม่มีการเตรียมสคริปต์ อาศัยใจของผู้ฟังใจของผู้พูดให้มันสื่อกัน ถ้าใจของคนฟังมีสมาธินะ ธรรมะก็จะปราณีตและงดงาม ใจของคนฟังว่อกแว่กๆ ธรรมะก็หนีไปหมด เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร สมัยพุทธกาลก็เป็นอย่างนั้น
อย่างพระพุทธเจ้าของเรานะ จะมีพระจากต่างถิ่นไปเฝ้าท่าน ตอนไปเฝ้าท่าน ท่านเทศน์ บางทีท่านเหนื่อย ท่านก็สอนใครต่อใครมาทั้งวัน ท่านเหนื่อย ท่านก็จะบอกพระสาวกผู้ใหญ่ ให้แสดงธรรมต่อจากท่าน ท่านเมื่อย ท่านจะเอนหลัง มีบางครั้งท่านบอกพระมหากัสสปะ บอกว่าให้ช่วยสอนภิกษุเหล่านี้หน่อย พระมหากัสสปะท่านบอกว่าท่านสอนไม่ได้ ภิกษุพวกนี้ จิตใจยังไม่สงบเลย จิตใจไม่ดีฟังธรรมะที่ปราณีตไม่ได้
เพราะฉะนั้นหากพวกเราต้องการฟังธรรมะที่ปราณีต ฟังแล้วมันถึงอกถึงใจจริงๆ ฟังแล้วเข้าใจไม่ใช่เข้าสมองเข้าหู เราก็ต้องเอาใจมาฟัง ใจต้องสงบพอ ใจว่อกแว่กๆใช้ไม่ได้ ทุกวันนี้เครื่องก่อกวนสมาธิในการฟังธรรม มีกล้องถ่ายรูปอย่างหนึ่ง โทรศัพท์มือถืออีกอย่างหนึ่ง
บางทีหลวงพ่อไปเทศน์ ถ้าเป็นคนแก่ๆหน่อย เขาคุ้นเคยกับการฟังพระแบบโบราณ พอพระเริ่มเทศน์เขาก็เทศน์แข่งกับพระ เนี่ยธรรมะหนีหมดเลย เนี่ยละนะ รับศีลเปล่าๆนะ มุสาวาทไปแล้ว ฟุ้งซ่าน พูดเพ้อเจ้อ พูดในเรื่องที่ไม่ใช่เวลาที่จะพูด ศีลด่างพร้อยนะ เพราะฉะนั้นเราฟังธรรมด้วยจิตใจที่สงบ จิตใจที่สบาย แล้วธรรมะจะปราณีต
ขอบพระคุณข้อมูล vdo ขอขอบคุณ คุณ พันธิศักดิ์ ผู้บันทึก และ ข่าวสารจาก :
http://www.dhammada.net/