นองน้ำแลเลือดจะนอง'ญาณ'ของพระพรหมวชิรญาณ
นองน้ำแลเลือดจะนอง'ญาณ'ของพระพรหมวชิรญาณ : เรื่อง ไตรเทพ ไกรงู / ภาพ ศูนย์ภาพเนชั่น
โหราศาสตร์ เป็นวิชาที่ใช้ทายกาลล่วงหน้าหรือดูการล่วงหน้า ใช้สำหรับพยากรณ์ผลกรรมของมนุษย์โดยอาศัยดวงดาวเป็นเครื่องพยากรณ์ แสดงเหตุและผลของดวงดาว ทำให้สามารถทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าของวิถีทางของมนุษย์ และเหตุการณ์ของโลกทั่วๆ ไป ทั้งนี้ตามหลักพุทธศาสนา ตามที่แสดงไว้ในกัมมวิภังคสูตร ๑๔ ประการ คือ บางคนอายุยืน บางคนอายุสั้น บางคนมีโรคน้อย บางคนมีโรคมาก บางคนมีผิวพรรณดีบางคนมีผิวพรรณทราม บางคนมีศักดามาก บางคนมีศักดาน้อย บางคนมีทรัพย์สมบัติมาก บางคนมีทรัพย์สมบัติน้อย บางคนมีตระกูลสูง บางคนมีตระกูลต่ำ บางคนมีปัญญามาก บางคนมีปัญญาน้อย
ในทางพระพุทธศาสนา ได้มีพุทธานุญาตให้พระภิกษุสงฆ์เรียนรู้วิชาโหราศาสตร์ในเรื่องฤกษ์ยาม เพื่อจะได้รู้เวลาทำอุโบสถสังฆกรรม อันเป็นกิจในพระพุทธศาสนา จึงได้มีชื่อ วัน เดือน ปี และฤกษ์แสดงไว้ท้ายบอกวัตรพระเป็นประเพณีสืบต่อมา
ปัจจุบันมีพระสงฆ์ที่ขึ้นชื่อว่า “ดูหมอแม่น” หลายสิบรูป และหนึ่งในจำนวนนี้ คือ พระพรหมวชิรญาณ (ประสิทธิ์ เขมังกโร) หรือ เจ้าคุณพรหมฯ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าอาวาสวัดยานนาวา ซึ่งที่ผ่านมามีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นักธุรกิจ นักการเมืองทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาล แวะเวียนไปหาไม่เคยขาด
เจ้าคุณพรหม บอกว่า โหราศาสตร์ไม่ใช่ศาสตร์แห่งความหลุดพ้น พระพุทธเจ้าใช้คำว่า “เดรัจฉานวิชา” หรือ “โลกิยวิชา” ด้วยซ้ำ เพียงแต่สามารถเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์บรรเทาทุกข์ในระดับโลกิยชน ที่ยังอยู่ในโลกนี้ได้ เพียงแต่ไม่ควรเชื่ออย่างงมงายเท่านั้น สิ่งที่ประเสริฐที่สุดก็คือ การประพฤติธรรม ทุกศาสตร์มีประโยชน์ ผู้ที่ฉลาดหรือผู้ที่มีปัญญาต้องรู้จักนำความรู้จากโหราศาสตร์มาใช้ให้เป็นประโยชน์ เหมือนการพยากรณ์อากาศ เขาไม่ได้พยากรณ์ให้ฟังแค่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่นั่นที่นี่ แต่ต้องการให้คนฟังวางแผนล่วงหน้า
โหราศาสตร์ดาราศาสตร์เป็นเรื่องของหลักสถิติที่มีการบันทึกกันมาอย่างต่อเนื่อง ในอดีตเราใช้ดวงดาวในการคำนวณเหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทุกวันนี้แม้ว่าเราจะมีดาวเทียมในการพยากรณ์อากาศ แต่ดวงดาวบนท้องฟ้ายังคงใช้ได้อยู่ ไม่ว่าศาสตร์อะไร ถ้าเราใช้เป็นย่อมเกิดประโยชน์การที่เรารู้เรื่องโหราศาสตร์เรารู้เอาไว้เพื่อที่จะป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น แต่ถ้าใช้ไม่เป็นย่อมเกิดโทษ ถ้าบอกว่าดวงไม่ดี แล้วนอนอยู่บ้านเฉยๆ คงไม่ใช่ ยังต้องทำงานปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม เพียงแต่ว่า ต้องทำด้วยความระมัดระวัง
ทั้งนี้ เจ้าคุณพรหมจะเน้นย้ำเสมอๆ ว่า อย่ามงาย เชื่อสิ่งใดโดยไม่มีเหตุผล ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัย คนหวังปกติสุขก็ต้องทำความดีเป็นปกติ โหราศาสตร์เป็นเพียงศาสตร์สื่อชี้ให้เห็นแนวทางกว้างๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วเตรียมตัวรับกับสถานการณ์นั้น ด้วยความไม่ประมาท เช่น มีการพยากรณ์ล่วงหน้าว่ากรุงเทพฯ น้ำจะท่วมมาตั้งแต่ต้นปี ๒๕๕๔ หากเราหาวิธีป้องกันแต่เนิ่นๆ ความเสียหายคงไม่มากอย่างที่เป็นอยู่ อย่างที่วัดได้หากระสอบทรายมาทำแนวป้องกันตั้งแต่น้ำเข้าอยุธยา รัฐบาลชุดนี้ในช่วงเข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆ สนใจแต่เรื่องอื่นไม่ได้สนใจเรื่องภัยธรรมชาติเท่าที่ควร คิดว่าการบริหารงานตามปกติจะเอาอยู่แต่สุดท้ายก็เอาไม่อยู่เพราะน้ำมามากกว่าปกติ
อ่านเพิ่มเติมที่
http://www.smeclinic.in.th/smeclinic-articles/ethics/215-wisdom.htmlที่มา
http://www.smeclinic.in.th