KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับธรรมมะกับมนุษย์ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐาน ธรรมมะจากพระสงฆ์ สุปฏิปันโน เป็นข้อคิด และแนวทาง เพื่อเป็นแรงใจในการปฏิบัติภาวนาธรรมะที่ถ่ายทอด โดย พระอาจารย์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
หน้า: 1 ... 3 4 [5]
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมะที่ถ่ายทอด โดย พระอาจารย์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน  (อ่าน 140676 ครั้ง)
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3605


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #60 เมื่อ: เมษายน 11, 2015, 11:47:05 PM »



อานิสงส์ของการเดินจงกรมมี ๕ ประการ
๑ ผู้เดินจงกรมย่อมเป็นผู้อดทนต่อการเดินทางไกล
๒ ย่อมเป็นผู้อดทนต่อการบำเพ็ญเพียร
๓ ย่อมเป็นผู้มีอาพาธน้อย
๔ อาหารที่กินดื่ม เคี้ยว ลิ้มแล้วย่อมย่อยไปโดยดี
๕ สมาธิที่ได้จากการเดินจงกรมย่อมตั้งอยู่ได้นาน
น้อมกราบองค์หลวงตาด้วยเกล้า
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3605


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #61 เมื่อ: ตุลาคม 15, 2015, 08:31:11 AM »



ปลดปล่อยวิญญาณ


หลายสิบปี ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ทางผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงปู่สังวาลย์ เขมโก วัดทุ่งสามัคคีธรรม สุพรรณบุรีได้กราบเรียนหลวงปู่ ถึงความคิดที่จะทำสังฆทานอุทิศให้กับทหารทั้งไทยและพม่าที่ได้เสียชีวิต ณ บริเวณที่ทางผู้ว่าฯเชื่อว่าพม่าและไทยได้เคยทำการรบกันในเขตจังหวัด สุพรรณบุรี
ทางหลวงปู่สังวาลย์ก็เห็นด้วยเพียงแต่ท่านกล่าวว่าการ ที่จะปลดปล่อยวิญญาณจำนวนมากขนาดนี้ให้เป็นไปสู่สุขติ
ต้องให้พระอรหันต์ที่มีฤทธิ์มากมีบารมีมากมาเป็นประธานในการรับมหาสังฆทานใน ครั้งนี้ ซึ่งหลวงปู่สังวาลย์
เห็นว่าทั้งเมืองไทยตอนนี้ มีเพียงหลวงตามหาบัวเท่านั้นที่ทำได้ ทางผู้ว่าฯจึงได้นิมนต์หลวงตามารับมหาสังฆทานในครั้งนี้

หลังจากหลวงตาบัวท่านมาเป็นประธาน ใน เย็นวันนั้นเองก็เกิดเหตุอัศจรรย์ คือมีไส้เดือนมุดดินขึ้นมาตายในบริเวณที่ทำพิธี(ซึ่งเชื่อว่าเคยเป็นสนามรบ) จำนวนมหาศาลคนทำความสะอาดกวาดซากไส้เดือนลงเข่งได้นับสิบๆเข่ง นี้คงเป็นการปลดปล่อยวิญญาณครั้งมโหฬารจริงๆ
อีกครั้งเมื่อคราวปิดโครงการช่วยชาติ เพื่อนผมคนหนึ่งมีวาสนาได้ไปร่วมงานหลังจากพิธีการทั้งหลายเสร็จสิ้นหลวงตาท่านก็ให้พร
ซึ่งท่านได้กล่าวว่า วันนี้จะให้พรเป็นพิเศษให้ตั้งใจรับให้ดี แล้วท่านก็สวด ยถาฯ นั่นก็ยถาธรรมดาไม่ได้มีบทอี่นเป็นพิเศษไปกว่าทุกครั้ง
แต่เพื่อนผมคนที่ไปได้ยินเสียงอะไรซักอย่างแตกจากตัวของเขาเอง พอ สำรวจดูก็ถึงบางอ้อพร้อมน้ำตาเพราะ
พระที่ทำจากผงกระดูกราคาหลายหมื่นแตก แตกทั้งที่กรอบทองยังปรกติ สงสัยวิญญาณกุมารคงไปสู่สุคติแล้ว

จากเพจต้นโพธิ์ค่ะ ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3605


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #62 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2016, 06:55:10 AM »



พระราชปุจฉาวิสัชนาธรรมในความต่างของ“สาวกภูมิ” กับ “พุทธภูมิ”ที่ หลวงตามหาบัวถวายตอบกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๙
เมื่อวันที่ ๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๓๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปกราบนมัสการหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ที่วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี เพื่อนิมนต์เชิญหลวงตามหาบัวไปงานพระราชพิธีในพระบรมมหาราชวัง ในครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชปุจฉาวิสัชนาธรรมกับหลวงตามหาบัว ซึ่งพระอาจารย์ภูสิต ขันติธโร (พระอุปัฏฐากหลวงตามหาบัว) เป็นผู้บันทึกจากความทรงจำ ดังนี้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว :
หลวงปู่ครับ “สาวกภูมิ” กับ “พุทธภูมิ” ต่างกันอย่างไร ?
หลวงตามหาบัว :
พุทธภูมิก็เหมือนดั่งเรานั่งรถไฟ นั่งรถไฟไปเชียงใหม่ หรือนั่งรถไฟไปอุดรฯ นั่นแหละ...พุทธภูมิ แต่ถ้าเรานั่งจักรยานมา หรือนั่งมอเตอร์ไซค์ ขี่มอเตอร์ไซค์ไป นั่นแหละ...สาวกภูมิ
เพราะฉะนั้น การเป็นพุทธภูมิก็คือการนำคนไปได้เยอะๆ ส่วนสาวกภูมินั้นนำไปได้น้อยๆ ไม่ได้มากนัก อย่างเก่งก็ ๑ คน หรือ ๓-๔ คน ก็ว่ากันไป นั่นคือสาวกภูมิ เข้าใจไหมล่ะ พ่อหลวง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว :
เข้าใจแล้วหลวงปู่... แล้ว “นิพพาน” เป็นอย่างไรนะ หลวงปู่ ?
หลวงตามหาบัว :
อ้อ...พ่อหลวง เหมือนพ่อหลวงมาวัดป่าบ้านตาดนี่แหละ รู้ไหมว่าวัดป่าบ้านตาดอยู่ตรงไหน อยู่บนกุฏินี่เหรอ วัดป่าบ้านตาดอยู่ไหนล่ะ แต่พอพระมหากษัตริย์มาถึงนี่แล้ว บริเวณนี้ทั้งหมดคือวัดป่าบ้านตาดนี่แหละ แต่จะชี้ลงไปว่าที่กุฏิอาตมาก็ไม่ใช่ ที่กุฏิพระก็ไม่ใช่ ที่ศาลาก็ไม่ใช่ ไม่ใช่ทั้งหมด แต่เมื่อรวมกันทั้งหมดในกำแพงวัดนี้นี่แหละคือวัดป่าบ้านตาด นี่แหละ...พระนิพพานก็มีความหมายแบบเดียวกัน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว :
ขอบารมีหลวงปู่ช่วยต่ออายุให้แม่หลวง (สมเด็จย่า)
หลวงตามหาบัว :
พ่อหลวงนั่นแหละก็จัดการเองได้ ขอเองได้ จัดการเอง อาตมาต่อให้ไม่ได้หรอก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว :
เอาล่ะ... ได้เวลาแล้ว จะกลับแล้ว หลวงปู่มีอะไรจะบอกไหม ?
หลวงตามหาบัว :
การเป็นพุทธภูมิ สร้างบารมีเพื่อความเป็นพุทธะ พอจบพุทธภูมิได้ก็เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว พระพุทธเจ้าก็มีพุทธกิจ ๕ คือ ตอนเช้าบิณฑบาต ตอนบ่ายสอนคหบดีมนุษย์ทั่วไป ตกเย็นสอนนักบวช สมณชีพราหมณ์ ตอนกลางคืนแก้ปัญหาเทวดา พอมาตอนเช้ามืดเล็งญาณดูสัตว์โลก สัตว์โลกตัวไหนมีกิเลสเบาบางพอที่จะบรรลุธรรมได้ ท่านก็จะเล็งญาณดู รีบไปโปรดก่อน
พระพุทธเจ้าสร้างบารมีพุทธภูมิจนได้เป็นพระพุทธเจ้า เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านก็มีพระพุทธกิจ ๕ อย่างนี้ แต่...ไม่รู้ว่าพ่อหลวงแม่หลวงของประเทศไทยปรารถนาอะไร ทำงานกันจนไม่มีเวลาจะพักผ่อน เอาล่ะๆ อาตมาจะให้พร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว :
อยากให้ท่านอาจารย์อยู่กับหลวงปู่ไปนานๆ
พระอาจารย์ภูสิต ขันติธโร :
เจริญพร มหาบพิตร ... อาตมาก็อยากจะอยู่ แต่ถ้าถึงเวลาที่อาตมาจะต้องเอาตัวเองให้รอด อาตมาก็ขอเอาตัวเองให้รอดก่อน เพราะทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผล ถึงเวลาไปก็ต้องไปเหมือนกัน
กิตติ ทีนิวส์ คัดลอก
ติดตามเรื่องราวของในหลวงรัชกาลที่ ๙ กับเหล่าพระอริยสงฆ์อีกมากมายได้ในหนังสือ “มหาบพิตร :
ในหลวงทรงถาม พระอรหันต์ตอบ” โดย “วีระวัฒน์ ชลสวัสดิ์”
ที่มา : http://panyayan.tnews.co.th/contents/210912/
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3605


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #63 เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2020, 10:14:36 PM »

#โอวาทธรรมยามอาพาธ
    ...หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เมื่อครั้งองค์ท่านอาพาธครั้งสุดท้าย ท่านก็ได้กล่าวธรรมกับลูกศิษย์ที่ดูแลท่านในหลายโอกาสก่อนที่องค์ท่านจะละสังขารดังนี้..
     ๙ กันยายน ๒๕๕๓..
     " จิตเฮาบ่มีเงื่อนต่อ ดูปัจจุบันก็บ่มีเงื่อนต่อ คือไฟดับธาตุไฟยังอยู่ แต่มีสิ่งหนึ่งบ่ดับ แต่พูดบ่ได้ "
     ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓..
     " เราเหนื่อย..เหนื่อยก็ช่างเถอะ มีทีแวะแล้วคนว่างงาน จิตว่างงาน "
     ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๓..
     " ผมอ่อนลงเรื่อยๆ จะหนักไปข้างหน้า แต่มีสติไม่เผลอ "
     " ผมปล่อยวางทั้งหมด ใครจะสรรเสริญนินทา ผมไม่สนใจ ถึงเวลาก็ดีดผึงเลย "
     " แต่ก่อนหมู่เพื่อนไม่ได้มายุ่งกับผมที่กุฏิ แต่คราวนี้ผมช่วยตัวเองไม่ได้ จะจับจะยกอะไรให้ค่อยๆ คนแก่ก็เหมือนเด็ก "
     ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๓..
    " เราปล่อยวางหมดแล้ว ไม่มีสมมุติใดๆเหลืออยู่ในจิตใจ ชาตินี้เราพอ เราทำสุดกำลังของเรา "
     ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๓..
     " ให้ภาวนา ตั้งสติอยู่ตลอดเวลา ผมเห็นคุณค่าของสติมาก "
     " ผมลงใจในปฏิปทาพ่อแม่ครูจารย์มั่นมากที่สุด พูดอะไรตรงเป๋งเลย "
     " เราไอมาก จะเป็นปอดนะ เราอ่อนลงไปเรื่อยๆ ผมเกิดมาเป็นชาติสุดท้าย ไม่มาเกิดอีก "
     " ผู้มาศึกษากับผม มีหลักเกณฑ์หลายองค์นะ"
     " ผมเคยพูดให้ฟังไหม เรื่องตอนที่อยู่ห้วยทราย ระยะท้าย ผมจะกว้างขวางมาก "
     " ผมมาเกิดเป็นชาติสุดท้าย ไม่มาเกิดอีก สมมุติในใจไม่เหลือ "
     ๑ มกราคม ๒๕๕๔..
     " มือของครูอาจารย์ กับมือของลูกศิษย์ลูกหา ญาติมิตร เพื่อนฝูง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ใช้แทนกันได้ ไว้ใจกันได้ เชื่อใจกันได้ ตายใจกันได้ "
     ๑๑ มกราคม ๒๕๕๔..
     " พระพุทธเจ้าองค์เดียวกัน พระธรรมวินัยก็อันเดียวกัน ให้เอาจริงเอาจังนะ"
      หลังจากนั้นท่านก็ไม่ได้พูดอะไรอีก วันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๔ ท่านก็ละสังขาร เข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน สิริรวมอายุ ๙๗ปี ๕เดือน ๑๘วัน ๗๗พรรษาและมีพิธีพระราชทานเพลิงสรีระสังขาร วันที่ ๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔..
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
หน้า: 1 ... 3 4 [5]
พิมพ์
กระโดดไป: