คำถาม :
หลวงปู่เจ้าค่ะ ขอเรียนถามข้อสงสัยในสมาธิ พอจิตดิฉันเข้าสู่ภวังค์จะเหมือนร่างกายหล่นจากที่สูงๆ
มากลึกสุดประมาณ แต่มิได้เป็นบ่อยนะเจ้าค่ะ นานๆถึงจะเป็นทำให้ดิฉันสงสัยว่าคืออะไร
กราบขอหลวงปู่ช่วยให้ความกระจ่างแก่ผู้ด้อยความรู้ด้วยเจ้าค่ะ
หลวงปู่หล้า เขมปัตโต ตอบ :
เรื่องการภาวนานั้นเป็นของดีแล้ว เพราะมีความปิติและพอใจในธรรมที่ปรากฏ เป็นอย่างนั้นด้วยอำนาจของปิติธรรม
นักภาวนาก็ต้องเจออย่างนั้น บางทีปรากฏว่าเหาะเหินเดินอากาศหรือเดินจงกรมในอากาศ
หรือขัดสมาธิในอากาศหรือพลิกคว่ำพลิกหงายในอากาศ เป็นการแสดงปาฎิหาริย์ไปในตัวก็มีสารพัดจะเป็นไป
แต่เมื่อหมดกำลังก็ถอนออกมา เมื่อถอนออกมาแล้วจงพิจารณาว่า ธรรมอันละเอียดถึงเพียงนี้ก็ยังอยู่ใต้อนิจจังความไม่เที่ยง
ขอให้น้อมลงอย่างนั้นอย่าสำคัญว่าเป็นตัวตน เรา เขา สัตว์ บุคคลใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อไม่สำคัญในส่วนนี้จิตก็สูงขึ้นไปกว่าเดิมอีกในตัวแล้ว
จงพยายามทำบ่อยๆ เทอญ และอีกประการหนึ่งให้พิจารณาเห็น อนิจจังพร้อมกับลมหายใจออกเข้า
พร้อมทั้งเห็นทุกข์เห็นสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนกลมกลืนกันในขณะเดียว ไม่มีอันใดก่อนอันใดหลัง พร้อมกับลมออกเข้า
แม้ศีล สมาธิ ปัญญาที่เรียกว่าไตรสิขา ก็รวมพลุกันอยู่ ณ ที่นั้นเอง จะบัญญัติหรือไม่บัญญัติก็เป็นจริงอยู่อย่างนั้นเอง
เมื่อเห็นชัดในส่วนนี้พร้อมทั้งชำนาญและเห็นเนืองๆ อยู่ ความระอาในวัฎฎะสงสารที่เคยหลงมาแล้วก็จะรู้ตามเป็นจริง
จะได้ไม่ทะยานอยากในโลกทั้งปวง
เพราะโลกทั้งปวงมีแต่เกิดขึ้นและแปรดับ และมีทุกข์ไม่ใช่ตัวตนดังที่ว่ามาแล้วนั้น จะได้สิ้นความสงสัยในปัญหาของเจ้าตัวที่เคยสร้างขึ้นจะแก้ไม่ยาก โลกคืออะไร.... วัตถุภายนอกคืออะไร..... ที่สร้างขึ้นด้วย ดิน น้ำ ไฟ ลมก็ดี หรือความนึกคิดแห่งสุข ทุกข์ อุเบกขาก็ดี เกิดขึ้นแล้วก็แปรปรวนและดับไปเสมอกันทั้งนั้น เมื่อลูกไม้ของโลกมีเพียงเท่านี้แล้วนั้น เราก็ไม่มีหนทางจะไปสงสัยอะไรอีก มีแต่รู้ตามเป็นจริง ปฎิบัติตามเป็นจริงพ้นจากความสงสัยตามเป็นจริงเท่านั้น ความดีใจเสียใจในโลกทั้งปวงก็ห้ามเบรคลง ปัญญาก็เกิดขึ้นเหนือความหลงของตนไปซะ เรียกว่ารู้เท่าทุกข์รู้เท่าสังขารแล้ว จิตก็โอนไปเอนไปโน้มไปในพระนิพพาน คืนกลับความหลงของเจ้าตัวแบบเย็นๆ เท่านั้นเอง
ด้วยเดชพระพุทธศาสนา พวกเราทั้งหลาย จงรู้ตามความเป็นจริงในสังขารทั้งปวง พร้อมกับลมออกเข้าในปัจจุบันยิ่งๆ ขึ้นไป
หลุดพ้นจากความหลงในปัจจุบันตามเป็นจริงอยู่ทุกเมื่อเทอญ ปัญหาของธรรมแท้ไม่มาก ที่มันมากวนเวียนก็เพราะกิเลสของเราทรงอำนาจ
เมื่อปัญญาทรงอำนาจแล้วความสงสัยของเราก็หายไปไม่ขบถคืนเลย จะว่ารู้แจ้งโลกก็ได้ จะว่ารู้แจ้งสังขารก็ได้ จะว่ารู้ทันความหลงของเจ้าตัวก็ได้
หลวงปู่หล้า เขมปัตโต
ขอบคุณข้อมูลจาก FB พี่แมว Supani Sundarasardula และ
http://www.kammatan.com