KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับความสำคัญของพระพุทธศาสนา และทุกอย่าง เกี่ยวกับ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกอย่างที่เกี่ยวกับ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานพุทธโอวาทก่อนปรินิพพาน
หน้า: [1]
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: พุทธโอวาทก่อนปรินิพพาน  (อ่าน 20068 ครั้ง)
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3605


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« เมื่อ: ธันวาคม 27, 2012, 10:17:34 AM »



"...ดูกรภิกษุทั้งหลาย! พรหมจรรย์นี้เราประพฤติ
มิใช่เพื่อหลอกลวงคน มิใช่เพื่อให้คนทั้งหลายมานับถือ
มิใช่เพื่ออานิสงส์ลาภสักการะและความสรรเสริญ
มิใช่จุดมุ่งหมายเพื่อเป็นเจ้าลัทธิและแก้ลัทธิอย่างนั้นอย่างนี้
มิใช่เพื่อให้ใครรู้จักตัวว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
ที่แท้พรหมจรรย์นี้เราประพฤติ
เพื่อสังวระ คือ ความสำรวม
เพื่อปหานะ คือ ความละ
เพื่อวิราคะ คือ คลายความกำหนัดยินดี และ
เพื่อนิโรธะ คือ ความดับทุกข์..."

หนังสือ พุทธโอวาทก่อนปรินิพพาน (อ.วศิน อินทสระ)
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
keroro
สมาชิกใหม่
*

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 0
กระทู้: 37


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2012, 05:31:00 PM »

ขอบพระคุณมากๆครับ
บันทึกการเข้า

golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3605


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2013, 12:16:25 PM »

หนังสือธรรมะเล่มนี้ ทางเว็บ http://www.kammatan.com ได้พิมพ์แจกในงานอุปสมบท ของตัวกระผมเอง
ซึ่งต้องขอบพระคุณ ท่านอาจารย์วศิณ อินทสระ เป็นอย่างมากครับ

รวมถึงทางเว็บได้ แนบไฟล์เป็น PDF เผื่อท่านใดสนใจ จะได้เข้ามาอ่านผ่านทางนี้ อีกทางนะครับผม
ช่วง พุทธโอวาทก่อนปรินิพพาน กระผมอ่านแล้วเกิดความประทับใจอย่างยิ่ง และยังความปลื้มปิติให้เกิดขึ้น
รวมถึงก่อเกิดสติ เพื่อระลึกความตาย อยู่เสมอ เพื่อความไม่ประมาท

ท่านใดต้องอ่าน ลองดูได้ที่ไฟล์นี้ ครับผม

http://www.kammatan.com/download/book/last_homily.pdf
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3605


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2013, 09:21:41 AM »

ช่วงท่านสุภัททะ ขอบวชในพระพุทธศาสนาต่อหน้า องค์พระพุทธเจ้า


แล้วพระศาสดา ก็รับสั่งให้พระอานนท์ไปแจ้งข่าว
ปรินิพพานแก่มัลลกษัตริย์ว่า พระตถาคตเจ้า
จักปรินิพพานในยามสุดท้ายแห่งราตรี
เมื่อมัลลกษัตริย์ผู้ครองนครกุสินาราสดับข่าวนี้
ต่างก็ทรงกำสรดโศกาดูรทุกข์โทมมนัสทับทวี
สยายพระเกศา ยกพระพาหาทั้งสองขึ้น
แล้วคร่ำครวญล้มกลิ้งเกลือก ประหนึ่งบุคคลที่เท้าขาด
ร่ำไรรำพันถึงพระโลกนาถว่า
"พระโลกนาถ ด่วนปรินิพพาน นักดวงตาของโลกดับลงแล้ว
ประดุจสุริยาซึ่งให้แสงสว่างดับวูบลง"

ด้วยอาการโศกาดูรดั่งนี้
มัลลกษัตริย์ตามพระอานนท์ไปเฝ้าพระศาสดา ณ สาละวโนทยาน
พระอานนท์ จัดให้เข้าเฝ้าเป็นตระกูลๆ ไป แล้วกลับสู่สัณฐาคาร
คืนนั้นมัลลกษัตริย์ประชุมกันอยู่จนสว่าง มิได้บรรทมเลย


ท่ามกลางบรรยากาศดังกล่าวนี้
นักบวชปริพาชกหนุ่มคนหนึ่ง
ขออนุญาตผ่านฝูงชนขอเฝ้าพระศาสดา
พระอานนท์ได้สดับสำเนียงนั้น
จึงออกมารับและขอร้องวิงวอนว่า
อย่ารบกวน พระผู้มีพระภาคเจ้าเลย

ข้าแต่ท่านอานนท์ ! "ปริพาชกผู้นั้นกล่าว
"ข้าพเจ้าขออนุญาตเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
เพื่อทูลถามข้อข้องใจบางประการ
ขอท่านได้โปรดอนุญาตเถิด ข้าพเจ้าสุภัททะปริพาชก"

"อย่าเลย สุภัททะ ท่านอย่ารบกวนพระผู้มีพระภาคเจ้าเลย
พระองค์ทรงลำบากพระวรกายมากอยู่แล้ว
พระองค์ทรงประชวรหนัก
จะปรินิพพานในยามสุดท้ายแห่งราตรีนี้แน่นอน"

"ท่านอานนท์ !" สุภัททะวิงวอนต่อไป
"โอกาสของข้าพเจ้าเหลือเพียงเล็กน้อย
ขอท่านอาศัยความเอ็นดู
โปรดอนุญาตให้ข้าพเจ้าเฝ้าพระศาสดาเถิด"

พระอานนท์คงทัดทานอย่างเดิม
และสุภัททะก็อ้อนวอนครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ยอมย่อท้อ
จนกระทั่งได้ยินถึงพระศาสดา พระมหากรุณาอันไม่มีที่สิ้นสุด
รับสั่งกับพระอานนท์ว่า "อานนท์ ! ให้สุภัททะเข้ามาหาตถาคตเถิด"

เพียงเท่านี้สุภัททะปริพาชกก็ได้เข้าเฝ้าสมประสงค์
เขากราบลงใกล้แท่นบรรทมแล้วทูลว่า
"ข้าแต่พระจอมมุนี ! ข้าพระองค์นามว่าสุภัททะ
ถือเพศเป็นปริพาชกมาไม่นาน
ได้ยินกิตติศักดิ์เล่าลือเกียรติคุณแห่งพระองค์
แต่ก็หาได้เคยเข้าเฝ้าไม่ บัดนี้พระองค์จะดับขันธปรินิพพานแล้ว
ข้าพระองค์ขอประทานโอกาสซึ่งมีอยู่น้อยนี้
ทูลถามข้อข้องใจบางประการเพื่อจะได้ไม่เสียใจภายหลัง"

"ถามเถิดสุภัททะ" พระศาสดาตรัส

"พระองค์ผู้เจริญ คณาจารย์ทั้งหก
คือ ปูรณะกัสสะปะ มักขลิโคศาล อชิตเกสกัมพล
ปกุทธะกัจจะยนะ สัญชัยเวลัฏฐบุตร และนิครนถ์นาฏบุตร
เป็นศาสดาเจ้าลัทธิที่มีคนนับถือมาก เคารพบูชามาก
ศาสดาเหล่านี้ยังจะเป็นพระอรหันต์หมดกิเลสหรือประการใด"

"เรื่องนี้หรือสุภัททะที่เธอดิ้นรนขวนขวายมาหาเรา
ด้วยความพยายามอย่างยิ่งยวด"
พระศาสดาตรัสทั้งยังหลับพระเนตรอยู่

"เรื่องนี้เองพระเจ้าข้า" สุภัททะทูล

พระอานนท์รู้สึกกระวนกระวายทันที
เพราะเรื่องที่สุภัททะมารบกวนพระศาสดานั้น
เป็นเรื่องที่ไร้สาระเหลือเกิน
ขณะที่พระอานนท์จะเชิญสุภัททะออกจากที่เฝ้านั้นเอง
พระศาสดาก็ตรัสขึ้นว่า

"อย่าสนใจกับเรื่องนั้นเลย สุภัททะ
เวลาของเราและของเธอเหลือน้อยเต็มทีแล้ว
จงถามสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่เธอเองเถิด"

"ข้าแต่ท่านสมณะ ! ถ้าอย่างนั้นข้าพระองค์ขอทูลถามปัญหาสามข้อ
คือ รอยเท้าในอากาศมีอยู่หรือไม่
สมณะภายนอกศาสนาของพระองค์มีอยู่หรือไม่
สังขารที่เที่ยงมีอยู่หรือไม่ ?"

"สุภัททะ ! รอยเท้าในอากาศนั้นไม่มี
ศาสนาใดไม่มีมรรคมีองค์แปด
สมณะผู้สงบถึงที่สุดก็ไม่มีในศาสนานั้น
สังขารที่เที่ยงนั้นไม่มีเลย
สุภัททะ ปัญหาของเธอมีเท่านี้หรือ ?"

"มีเท่านี้พระเจ้าข้า" สุภัททะทูลแล้วนิ่งอยู่

พระพุทธองค์ผู้ทรงอนาวรณญาณ
ทรงทราบอุปนิสัยของสุภัททะ แล้วจึงตรัสต่อไปว่า
"สุภัททะ ! ถ้าอย่างนั้นจงตั้งใจฟังเถิด
เราจะแสดงธรรมให้ฟังแต่โดยย่อ
ดูกรสุภัททะ ! อริยมรรคประกอบด้วยองค์แปดเป็นทางประเสริฐ
สามารถให้บุคคลผู้เดินไปตามทางนี้ ถึงซึ่งความสุขสงบเย็นเต็มที่
เป็นทางเดินไปสู่อมตะ ดูกรสุภัททะ ! ถ้าภิกษุหรือใครก็ตาม
จะพึงอยู่โดยชอบ ปฏิบัติดำเนินตามมรรคอันประเสริฐ
ประกอบด้วยองค์แปดนี้อยู่ โลกก็จะไม่พึงว่างจากพระอรหันต์"

สุภัททะฟังพระพุทธดำรัสนี้แล้วเลื่อมใส
ทูลขอบรรพชาอุปสมบท
พระพุทธองค์ตรัสว่า ผู้ที่เคยเป็นนักบวชในศาสนาอื่นมาก่อน
ถ้าประสงค์จะบวชในศาสนาของพระองค์
จะต้องอยู่ติดถิยปริวาส คือ บำเพ็ญตนทำความดี
จนภิกษุทั้งหลายไว้ใจเป็นเวลาสี่เดือนก่อน
แล้วจึงจะบรรพชาอุปสมบทได้
สุภัททะทูลว่า เขาพอใจอยู่บำรุงปฏิบัติภิกษุทั้งหลายสักสี่ปี

พระศาสดาทรงเห็นความตั้งใจจริงของสุภัททะ
ดังนั้นจึงรับสั่งให้พระอานนท์ นำสุภัททะไปบรรพชาอุปสมบท
พระอานนท์รับพุทธบัญชาแล้วนำสุภัททะไป ณ ที่ส่วนหนึ่ง
ปลงผมและหนวดแล้วบอกกรรมฐานให้
ให้ตั้งอยู่ในไตรสรณคมน์และศีล
สำเร็จเป็นสามเณรบรรพชา
แล้วนำมาเฝ้าพระศาสดาพระผู้ทรงมหากรุณา
ให้อุปสมบทแก่สุภัททะเป็นภิกษุโดยสมบูรณ์แล้ว
ตรัสบอกกัมมัฏฐานอีกครั้งหนึ่ง

สุภัททะภิกษุใหม่ ตั้งใจแน่วแน่ว่า
จะพยายามให้บรรลุพระอรหัตตผลในคืนนี้
ก่อนที่พระศาสดาจะนิพพาน
จึงออกไปเดินจงกรมอยู่ในที่สงัดแห่งหนึ่ง
ในบริเวณอุทยานสาละวโนทยาน

บัดนี้ร่างกายของ สุภัททะภิกษุ ห่อหุ้มด้วยผ้ากาสาวพัสตร์
เมื่อต้องแสงจันทร์ในราตรีนั้น
ดูผิวพรรณของท่าน เปล่งปลั่งงามอำไพ
มัชฌิมยามแห่งราตรีจวนจะสิ้นอยู่แล้ว
ดวงรัชนีกลมโตเคลื่อนย้ายไปอยู่ทางท้องฟ้าด้านตะวันตก
สุภัททะภิกษุตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่า
จะบำเพ็ญเพียรคืนนี้ตลอดราตรี
เพื่อบูชาพระศาสดาผู้จะนิพพานในปลายปัจฉิมยาม
ดังนั้นแม้จะเหน็ดเหนื่อยอย่างไรก็ไม่ย่อท้อ

แสงจันทร์นวลผ่องสุกสกาวเมื่อครู่นี้ ดูจะอับรัศมีลง
สุภัททะภิกษุแหงนขึ้นดูท้องฟ้า
เมฆก้อนใหญ่กำลังเคลื่อนเข้าบดบังแสงจันทร์จนมิดดวงไปแล้ว
แต่ไม่นานนักเมฆก้อนนั้นก็เคลื่อนคล้อยไป
แสงโฉมสาดส่องลงมาสว่างนวลดังเดิม

ทันใดนั้นดวงปัญญาก็พลุ่งโพลงขึ้นในดวงใจของสุภัททะภิกษุ
เพราะนำดวงใจไปเทียบกับดวงจันทร์

"อา !" ท่านอุทานเบาๆ "จิตนี้เป็นธรรมชาติที่ผ่องใส
มีรัศมีเหมือนดวงจันทร์ แต่อาศัยกิเลสที่จรมาเป็นครั้งคราว
จิตนี้จึงเศร้าหมองเหมือนก้อนเมฆบดบังดวงจันทร์ให้อับแสง"


แลแล้ววิปัสสนาปัญญาก็โพลงขึ้น
ชำแรกกิเลสแทงทะลุบาปธรรมทั้งมวลที่ห่อหุ้มดวงจิต
แหวกอวิชชาและโมหะ อันเป็นประดุจตาข่ายด้วยศาสตรา
คือ วิปัสสนาชำระจิต ให้บริสุทธิ์จากกิเลสอาสวะทั้งมวล
บรรลุอรหัตตผล พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา
แล้วลงจากที่จงกรมมาถวายบังคม
พระมงคลบาทแห่งพระศาสดาแล้วนิ่งอยู่

ภายใต้แสงจันทร์สีนวลยองใยนั้น
พระผู้มีพระภาคบรรทมเหยียดพระวรกายในท่าสีหะไสยา
แวดล้อมด้วยพุทธบริษัทมากหลายแผ่น
เป็นปริมณฑลกว้างออกไปสุดสายตา
ประดุจดวงจันทร์ที่ถูกแวดล้อมด้วยกลุ่มเมฆก็ปานกัน




พุทธโอวาทก่อนปรินิพพาน โดยอ.วศิน อินทสระ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3605


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2013, 09:22:07 AM »

"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ผู้ตื่นอยู่มิได้หลับเลย

ย่อมรู้สึกว่าราตรีหนึ่งยาวนาน

ผู้ที่เดินทางจนเมื่อยล้าแล้ว

ย่อมรู้สึกว่าโยชน์หนึ่งเป็นหนทางที่ยืดยาว

แต่สังสารวัฏฏ์ คือ การเวียนเกิดเวียนตายของสัตว์

ผู้ไม่รู้พระสัทธรรมยังยาวนานกว่านั้น"


"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! สังสารวัฏฏ์นี้

หาเบื้องต้นเบื้องปลายได้โดยยาก

สัตว์ที่พอใจในการเกิดย่อมเกิดบ่อยๆ

และการเกิดใดนั้น ตถาคตกล่าวว่า เป็นความทุกข์

เพราะสิ่งที่ติดตามความเกิดมา ก็คือ ความแก่ชรา

ความเจ็บปวดทรมานและความตาย

ความต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก

ความต้องประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รัก

ความแห้งใจ ความคร่ำครวญ

ความทุกข์กายทุกข์ใจและความคับแค้นใจ

อุปมาเหมือนเห็ด ซึ่งโผล่ขึ้นมาจากดินและนำดินติดขึ้นมาด้วย

หรืออุปมาเหมือนโคซึ่งเทียมเกวียนแล้ว

จะเดินไปไหน ก็มีเกวียนติตามไปทุกหนทุกแห่ง

สัตว์โลกเมื่อเกิดมา ก็นำทุกข์ประจำสังขารติดมาด้วย

ตราบใดที่เขายังไม่สลัดความพอใจในสังขารออก

ความทุกข์ก็ย่อมติดตามไปเสมอ

เหมือนโคที่ยังมีแอกเกวียนครอบคออยู่

ล้อเกวียนย่อมติดตามไปทุกฝีก้าว"



พุทธโอวาทก่อนปรินิพพาน โดย อ.วศิน อินทสระ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3605


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #5 เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2013, 09:22:22 AM »

"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! เมื่อรากยังมั่นคง

แม้ต้นไม้จะถูกตัดแล้วมันก็สามารถขึ้นได้อีก ฉันเดียวกัน

เมื่อบุคคลยังไม่ถอนตัณหานุสัยขึ้นเสียจากดวงจิต

ความทุกข์ก็เกิดขึ้นอีกแน่ๆ

ภิกษุทั้งหลาย ! น้ำตาของสัตว์ที่ต้องร้องไห้

เพราะความทุกข์โทมนัสทับถม

ในขณะที่ท่องเที่ยวอยู่ในวัฏฏสงสารนี้

มีจำนวนมากเหลือคณา

สุดที่จะกล่าวได้ว่ามีประมาณเท่านั้นเท่านี้

กระดูกที่เขาทอดทิ้งลงทับถมปฐพีเล่า

ถ้านำมากองรวมกันไม่ให้กระจัดกระจาย คงจะสูงเท่าภูเขา

บนพื้นแผ่นดินนี้จะไม่มีช่องว่างเลยแม้แต่นิดเดียวที่สัตว์ไม่เคยตาย

ปฐพีนี้เกลื่อนกล่นไปด้วยสัตว์ที่ตายแล้วตายเล่า

เป็นที่น่าสังเวชสลดจิตยิ่งนัก

ทุกย่างก้าวของมนุษย์และสัตว์เหยียบย่ำบนกองกระดูก

นอนอยู่บนกองกระดูก นั่งอยู่บนกองกระดูก

สนุกสนานเพลิดเพลินอยู่บนกองกระดูกทั้งสิ้น"


พุทธโอวาทก่อนปรินิพพาน โดย อ.วศิน อินทสระ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
beautifulchic13
สมาชิกใหม่
*

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 0
กระทู้: 9


ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: กรกฎาคม 22, 2013, 08:24:52 PM »

ขอบพระคุณมากๆครับ
ขอบคุณอะไรหรอ โพสไม่ตรงเนื้อหานะเราเนี่ย    ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
พิมพ์
กระโดดไป: