|
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2008, 10:12:58 AM » |
|
17. ชักชวนนายฉันนะ แต่สิ่งที่พระราชบิดาหามาให้ เป็นเสมือนกรงที่คอยขังคนโง่ให้ยินดีในรูปสวย ๆ เสียงเพราะ ๆ กลิ่นหอม ๆ รสอร่อย ๆ สัมผัสนุ่มนวล ซึ่งสิทธัตถะมิได้ตกหรือสยบอยู่กับสิ่งที่พ่อได้หามาให้ จึงได้ชวนฉันนะอำมาตย์คู่พระทัยให้พาหนีออกไปเที่ยวดูความเป็นอยู่ของประชาชน นายฉันนะบอกว่าไปไม่ได้ เดี๋ยวพ่อจะตัดหัว เพราะสั่งไว้ไม่ให้นำเจ้าชายไปไหน ด้วยเกรงว่าถ้าไปพบไปเห็นอะไรเข้าจิตใจจะเบื่อหน่ายคลายความพอใจในการอยู่ในรั้วในวังแล้วจะออกบวชเสีย เจ้าชายอ้อนวอนฉันนะอยู่นาน จนในที่สุดนายฉันนะต้องยอมพาปลอมตัวออกไป โดยเอาผ้าโพกหัวเป็นแขกปลอมตัวออกไปด้วยกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2008, 10:15:54 AM » |
|
20. พระกรุณาของพระองค์ ต่อมา พระองค์ได้ไปดูคนทำไร่ไถนา แต่จิตใจโหดร้าย ตีวัว ตีควาย อย่างทารุณ ไม่ใช้ไปด้วยความละมุนละไม เมตตาปรานี เอาแต่ใจเป็นใหญ่ ไปเที่ยวกินเหล้าเมายาพอทะเลาะขัดแย้งมาจากทางบ้านก็มา ระบายความทุกข์กับวัวกับควาย พระองค์ได้รำพึงว่า? โถ เจ้าวัวเอ๋ย เมื่อเจ้ามีแรงเขาก็ใช้เจ้าลากไปในนาที่หนักหน่วง ครั้นพอเจ้าแก่หมดเรี่ยวหมดแรงลง พวกเขาก็ยังจะเอาเนื้อของพวกเข้ามาลากเข้าปากเขาอีก ด้วยการฆ่าแล่เนื้อ เอาเนื้อและเลือดมาลากเข้าปากเขาอีก เขาใช้ชีวิตเจ้าอยู่กับการลากจากการไถ พระองค์เห็นแล้วก็สลดสังเวชใจ เกิดความกรุณาสงสารเป็นยิ่งนัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2008, 10:18:54 AM » |
|
22. เห็นคนตายญาติร่ำไห้ ต่อมาเจ้าชายก็ได้เห็นภาพที่ชวนให้สลดสังเวชใจ คือเห็นคนตาย แล้วมีญาติพากันร่ำไห้วิปโยคโศกศัลย์ปานจะขาดใจตายตามไปเสียให้ได้ เห็นดังนั้น พระองค์จึงได้เกิดความรู้สึกสลดสังเวช เหนื่อยหน่าย เบื่อหน่าย พระองค์จึงได้สอบถามนายฉันนะออกไปถึงสิ่งที่พระองค์ได้พบเห็นอยู่นั้น นายฉันนะก็กราบทูลตอบไปว่า เราก็จะต้องแก่ เจ็บ ตาย อย่างนี้ พระเจ้าข้า เท่านั้นเอง พระองค์ก็เริ่มรู้สึกค้านขึ้นในใจว่า มีมืด?ยังมีสว่าง เมื่อมีแก่?ก็ควรจะพ้นแก่ มีตาย?ก็ควรจะพ้นตาย ได้บ้าง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2008, 10:19:54 AM » |
|
23. ฟ้าหญิงกีสารำพึง เมื่อพระองค์กลับวัง เดินด้วยท่าทางอันเรียบร้อยนุ่มนวล ฟ้าหญิงกีสาโผล่หน้าต่างมาพบเห็นเข้า จึงได้อุทานร้องออกมาว่า โอ ถ้าหากใครได้ชายคนนี้มาเป็นสามี หญิงผู้เป็นภรรยาก็จะได้นิพพาน ใครได้ชายคนนี้มาเป็นลูก หญิงผู้เป็นแม่ก็จะได้นิพพาน นิพพานคืออะไร? นิพพาน คือ ความเย็นอกเย็นใจ สบายใจ เพราะฉะนั้นใครได้ชายดี ๆ มาเป็นสามี หญิงผู้เป็นภรรยาก็จะได้นิพพาน ใครได้ลูกดีดีมาเกิด ผู้เป็นแม่ก็จะได้นิพพาน แต่ถ้าได้ไม่ดีก็บ่นกัน ได้สามีกับเขาคนหนึ่งเหมือนได้ผีเข้าบ้าน มันเอาแต่กินเหล้า เอาแต่เล่นการพนัน อย่างนี้ตกนรกทั้งเป็น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2008, 10:20:47 AM » |
|
24. สลดสังเวชพระทัย ในวันนี้พระองค์ได้เห็นอะไรต่ออะไรมากขึ้น เห็นทั้งข้างใน ทั้งข้างนอก ออกไปข้างนอกก็เห็นแต่สิ่งที่สลดสังเวชใจ กลับมาข้างในก็ยังเห็นนางสนมกำนัลนอนหลับใหลอาการน่าเกลียด นอนน้ำลายไหล นอนผ้านุ่งผ้าถุงหลุดลุ่ย กัดฟัน นอนกรน อาการที่เคยน่าดู ที่เคยหลงใหล เดี๋ยวนี้เหมือนประดุจดังป่าช้าในวัง ความสลดสังเวชนี่เอง จึงเขย่าพุทธภาวะของสิทธัตถะให้ทอแสงออกมามากขึ้น คิดหาทางพ้นจากความทุกข์นั้น เพราะความเบื่อหน่ายคลายกำหนัดจาก รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัสทางเนื้อหนัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2008, 01:42:19 PM » |
|
26 .บ่วงเกิดขึ้นกับเราแล้ว วันหนึ่งขณะที่ประทับอยู่ในอุทยานพร้อมกับคิดในเรื่องหาทางพ้นทุกข์อยู่นั้น อำมาตย์สองคนได้เข้ามากราบทูลว่า ฟ้าชายพระเจ้าข้า ขณะนี้ พระนางพิมพาได้คลอดพระราชโอรสมาแล้ว ทำให้สิทธัตถะถึงกับอุทานออกมาว่า ?บ่วง? เกิดขึ้นแล้วหรือ ราหุลัง ซาตัง?ราหุลเกิดแล้ว บ่วงเกิดกับเราแล้ว การมุ่งมาดปรารถนาว่าจะเป็นสมณะจะหมดโอกาสเสียแล้วหรือ? ราหุล?ราหุล เจ้าเกิดมาจะเป็นบ่วงพ่อเสียแล้วหรือ? ความเป็นสมณะคงจะหมดโอกาสแล้วหรือ? ในที่สุด พระองค์ก็ทรงอุทานและนึกขึ้นว่า จะต้องเป็นสมณะให้จงได้ จะต้องหาทางพ้นจากบ่วงเพื่อหลุดพ้นจากทุกข์ให้จงได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2008, 02:53:44 PM » |
|
27. เสด็จหนีออกบวชในคืนนั้นจึงได้ชวนนายฉันนะเสด็จหนีออกบวช ในเรื่องนี้มีอยู่สองนัย นัยหนึ่งว่าหนีออกบวช แต่บางแห่งพุทธประวัติบอกว่า ออกบวชซึ่งหน้า ทำให้พ่อแม่น้ำตาลนองหน้า ในภาพนี้เล่าว่า เมื่อนายฉันนะได้รับม้า และรับเครื่องทรงกษัตริย์แล้ว พระองค์ก็บอกให้เอาไปคืนพ่อ ฉันไม่ขอแต่งเครื่องทรงกษัตริย์นี้อีกแล้ว จะขอแต่งเครื่องทรงของนักพรตนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ย้อมน้ำฝาดต่อไป เจ้าม้ากัณฐกะรู้ว่าเจ้านายที่แสนดีของมันจะต้องจากมันไป มันก็ยืนซึมน้ำตาไหลอาลัยรักเจ้านายที่แสนดีของมัน ในที่สุดความเสียดายอาลัยรักในเจ้านายที่แสนดีของมันมันก็ถึงกับใจแตกตาย ณ ที่ตรงนั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2008, 02:57:52 PM » |
|
28. การบวชแบบพราหมณ์ภาพนี้จะเป็นอีกนัยหนึ่ง ว่าด้วยประเพณีของพราหมณ์ คือพ่อ หมายถึงพระเจ้าสุทโธทนะนั้นถือศาสนาพราหมณ์มาก่อน เมื่อถึงเดือนจะมีการออกบวช ซึ่งมักจะต้องมีการออกบวชกันเป็นประจำ ต่อมาฟ้าชายสิทธัตถะได้ออกบวชจนพอใจ ถึงกับมีการคิดจะตัดผมออก ประเพณีของพราหมณ์มีว่า ถ้าตัดผมออกแล้ว เป็นอันว่าอยู่ในวังกันไม่ได้อีกแล้ว พ่อแม่พี่น้องวงศ์ตระกูลจึงน้ำตานองหน้า (?พุทธประวัติก็เกิดขึ้นสองนัยยะ นัยหนึ่งว่าหนีออกบวช อีกนัยหนึ่งว่าบวชซึ่งหน้า ท่านจะเชื่ออย่างไหนก็แล้วแต่ แต่เป็นอันว่าฟ้าชายสิทธัตถะได้บวชแน่ก็แล้วกัน?)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215
|
|
« ตอบ #28 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2008, 03:10:09 PM » |
|
29. ยังยินดีในรสอาหารการบวชครั้งนั้น ก็บวชอย่างเรียบร้อย แต่ได้ผลดีที่สุด ได้สุขสงบเย็น ได้สติปัญญา ได้ศีล ได้สมาธิ ได้อริยสัจ ได้โพธิญาณ ฟ้าชายสิทธัตถะออกบวชใหม่ ๆ นั้น ท่านยังยินดีในรสอาหาร จึงได้น้อมนึกไปถึงอาหารในวัง เพราะบิณฑบาตได้อาหารที่ไม่ดี น้อมนึกว่า ถ้าเราไม่ไปออกบวช ก็จะได้ฉันของที่ดีกว่านี้ ในบาตรนี่มันปนเปไปหมด นั่งนึกอยู่พักใหญ่ แต่สติอันฉับไวของพระองค์จึงได้ยั้งเตือนใจตนเองขึ้นว่า ?สิตธัตถะ แกนี่จะมานั่งพิรี้พิไรถึงอาหารในรั้วในวังอยู่ได้ยังไง บัดนี้ออกบวชเพื่อปรารถนาโพธิญาณแล้ว จะมาหลงใหลในเรื่องการกิน ขัดขวางโพธิญาณของเราทำไม เท่านั้นเองพระองค์ก็ทรงเสวยอาหารที่ได้มานั้นลงคออย่างสะดวก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215
|
|
« ตอบ #29 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2008, 03:12:22 PM » |
|
30. พิมพายโสธราผู้น่าสงสาร โถ?อนิจจา พิมพาต้องเศร้าเพราะสามีของเจ้าออกบวชซะแล้ว นางก็ได้แต่รำพึงรำพันว่า?สามีของฉันเขาจากไป พระนางพิมพานั้นกอดราหุลลูกน้อยร่ำไห้ แล้วก็ตัดพ้อต่อว่า โธ่ ลูกของแม่ ไม่รู้ว่าพ่อของเจ้าเขาเกลียดแม่หรือเกลียดลูกกันแน่ เขาจึงทิ้งเราไป ไม่กลับมาให้เห็นหน้า ถ้ารู้ว่าแม่ไม่ดีก็น่าจะบอกให้แม่แก้ไข ไม่น่าจะจากลูกและจากแม่ไปอย่างนี้เลย นี่คือการรำพึงรำพันร่ำไห้ของพิมพาผู้น่าสงสาร เมื่อฟ้าชายสิทธัตถะไม่ได้กลับมาร่วมหอ หอรักก็เป็นหอร้าง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|