golfreeze
|
|
« เมื่อ: มกราคม 11, 2009, 11:31:42 PM » |
|
คำว่า ๔ อสงไขยแสนกัปป์ ซึ่งเป็นระยะเวลาบำเพ็ญบารมีของพระโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นอยากทราบว่า อสงไขย ในที่นี้ หมายถึง อสงไขยปี หรือ อสงไขยมหากัปป์ค่ะ ส่วนคำว่า อสงไขยปี ซึ่งเป็นอายุขัยสูงสุดของมนุษย์นั้น สามารถคำนวณนับออกมาเป็นตัวเลขได้ไหมค่ะ อยากทราบว่าจะมีความยาวนานซักขนาดไหนค่ะ
สลักธรรม 1
ต่อไปจะเทียบระยะเวลา 1 กัป 1 อสงไขย และ 1 ปทุมะนรก ให้ พิจารณากันดู เพื่อปลงสังเวช กับอัตตา(อวิชชา)ของสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งเป็นค่าโดยประมาณ อาจจะมีความคลาดเคลื่อนมากกว่านี้ก็ได้ ใครมีความรู้ในทางคณิตศาสตร์ ก็สามารถช่วยแสดงความคิดเห็น เพื่อจะได้ค่าที่ถูกต้องมากขึ้น เรื่องของ กัป จากพระไตรปิฏกประมาณคำว่า 1 กัปได้ดังนี้ สมมุติ มีกล่องใบหนึ่ง กว้าง 100 โยชน์ ยาว 100โยชน์ และ สูง 100 โยชน์ ในเวลา 100 ปี ให้เอาเมล็ดผักกาด 1 เมล็ด ใส่ลงไปในกล่องนั้น ทำอย่างนี้จนเมล็ดผักกาดนั้นเต็มเสมอเรียบปากกล่อง นั้นละจึงเท่ากับ 1 กัป (บางตำรากล่าวว่า กว้าง 1 โยชน์ ยาว 1 โยชน์ สูง 1 โยชน์) วิเคราะห์คำนวณ 1 โยชน์ = 16 กิโลเมตร ดังนั้นกล่องใบนี้มีปริมาตร = 1600X1600X1600 = 4,096,000,000 ลูกบาตกิโลเมตร ประมานว่า เมล็ดผักกาด มีขนาด .5 มิลลิเมตร 1 กิโลเมตรเทียบเป็นมิลลิเมตรได้ดังนี้ 10X100X1000 = 1,000,000 มิลลิเมตร จะได้ 1 กิโลเมตรใช้เมล็ดผักกาดเรียงกัน = (1,000,000)/0.5 = 2,000,000 เมล็ด ดังนั้น 1600 กิโลเมตรใช้เมล็ดผักกาดเรียงกัน = 1600X2,000,000 = 3,200,000,000 เมล็ด ถ้าเป็นปริมาตร คือ กว้าง*ยาว*สูง ต้องใช้เมล็ดผักกาดทั้งหมด คือ 3,200,000,000X3,200,000,000X3,200,000,000 = 32,768,000,000,000,000,000,000,000,000 เมล็ด ใน 100 ปี ใส่เมล็ดผักเพียง 1 เมล็ด ดังนั้นต้องใช้เวลาทั้งหมดคือ 32,768,000,000,000,000,000,000,000,000X100 = 3,276,800,000,000,000,000,000,000,000,000 ปี จึงได้เวลา 1 กัป ประมาณ สามล้านสองแสนเจ็ดหมื่นหกพันแปดร้อยล้านล้านล้านล้าน ปี ประมาณ 3.3 X 10**30 ปี เครื่องหมาย ** เป็นเครื่องหมาย ยกกำลัง (หมายเหตุ บางตำรากล่าวว่า กว้าง 1 โยชน์ ยาว 1 โยชน์ สูง 1 โยชน์ จึงได้ 1 กัป ประมาณ 3.3 X 10**24 ปี โดยเอา 0 ออกไป 6 ตัว จากค่าที่คำนวณได้ในครั้งแรก)
เรื่อง ของอสงไขย จากหนังสือสัมภาระโพธิญาณ (จำไม่ค่อยได้) เป็นหนังสือเก่ามากแล้ว เรียบเรียงก่อนที่ผมเกิดเสียอีกประมาณ 42 ปีมาแล้ว เสียดายไม่ได้จดชื่อผู้เรียบเรียง แต่ค่าที่ได้ก็ตรงกับผู้ที่คำนวณไว้ก่อน สามารถนับ 1 อสงไขย และเทียบกับหน่วยนับปัจจุบันได้ดังนี้ สิบ สิบหน เป็น ร้อย 10**2 สิบร้อย เป็น พัน 10**3 สิบพัน เป็น หมื่น 10**4 สิบหมื่น เป็น แสน 10**5 ร้อยแสน เป็น โกฏิ 10**7 ร้อยแสนโกฏิ เป็น ปโกฏิ 10**7 X 10**7 = 10**14 ร้อยแสนปโกฏิ เป็น โกฏิปโกฏิ 10**7 X 10**14 = 10**21 ร้อยแสนโกฏิปโกฏิ เป็น นนุตหนึ่ง 10**7 X 10**21 = 10**28 ร้อยแสนนนุต เป็น นินนนุตหนึ่ง 10**7 X 10**28 = 10**35 ร้อยแสนนินนุต เป็น อักโขภินีหนึ่ง 10**7 X 10**35 = 10**42 ร้อยแสนอักโขภินี เป็น พินทะหนึ่ง 10**7 X 10**42 = 10**49 ร้อยแสนพินทะ เป็น อัพภูทะหนึ่ง 10**7 X 10**49 = 10**56 ร้อยแสนอัพภูทะ เป็น นิรพุทะหนึ่ง 10**7 X 10**56 = 10**63 ร้อยแสนนิรพุทะ เป็น อหนะหนึ่ง 10**7 X 10**63 = 10**70 ร้อยแสนอหนะ เป็น อพพะหนึ่ง 10**7 X 10**70 = 10**77 ร้อยแสนอพพะ เป็น อฏฏะหนึ่ง 10**7 X 10**77 = 10**84 ร้อยแสนอฏฏะ เป็น โสคันธิกะหนึ่ง 10**7 X 10**84 = 10**91 ร้อยแสนโสคันธิกะ เป็น อุปละหนึ่ง 10**7 X 10**91 = 10**98 ร้อยแสนอุปละ เป็น กมุมะหนึ่ง 10**7 X 10**98= 10**105 ร้อยแสนกมุมะ เป็น ปทุมะหนึ่ง 10**7 X 10**105= 10**112 ร้อยแสนปทุมะเป็น ปุณฑริกะหนึ่ง 10**7 X 10**112= 10**119 ร้อยแสนปุณฑริกะ เป็น อกถานหนึ่ง 10**7 X 10**119= 10**126 ร้อยแสนอกถาน เป็น มหากถานหนึ่ง 10**7 X 10**126= 10**133 ร้อยแสนมหากถาน เป็น อสงไขยหนึ่ง10**7 X 10**133= 10**140 ดังนั้น 1 อสงไขย = สิบยกกำลัง หนึ่งร้อยสีสิบ หรือ 1 ตามด้วย 0 จำนวน 140 มหากัป ข้อ สังเกต จำนวนปีของมนุษย์โลกเทียบกับ 1 กัปนั้นยังมีความคลาดเคลื่อนอีกมากมาย จึงไห้ถือกำหนดเอา โลกจักรวาลเมื่อก่อกำเนิดขึ้นจนกระทั้งพังทลายศูนย์หายไป 1 ครั้ง เป็น 1 กัป แต่จำนวน 1 อสงไขยมีกี่กัปนั้นเป็นจำนวนที่แน่นอน คือ 1 ตามด้วยเลข 0 จำนวน 140 ตัว หรือ 1 X 10**140
อายุขัยของเทวดาเทียบกับปีของมนุษย์โลก หนึ่ง 1 ปีทิพย์ของสวรรค์แต่ละชั้น เท่ากับ 360 วันทิพย์ของสวรรค์แต่ละชั้น ชั้นจาตุมีอายุ 500 ปีทิพย์ 1 วันทิพย์ เท่ากับ 50 ปีโลกมนุษย์ ดังนั้นเท่ากับ 500X360X50 = 9,000,000 ปี ชั้นดาวดึงส์ " " 1000 " " 1 " " 100 " " เท่ากับ 36,000,000 ปี ชั้นยามา " " 2000 " " 1 " " 200 " " เท่ากับ 144,000,000 ปี ชั้นดุสิต " " 4000 " " 1 " " 400 " " เท่ากับ 576,000,000 ปี ชั้นนิมมา " " 8000 " " 1 " " 800 " " เท่ากับ 2,304,000,000 ปี ชั้นปรมิน " " 16000 " " 1 " " 1600 " " เท่ากับ 9,216,000,000 ปี อายุของพระพรหม รูปฌาน 1 ถึง รูปฌาน 4 รูปฌาน 1 มีอยู่ 3 ชั้น สมาธิอย่างอ่อน ปาริสัชนาพรหม มีอายุ 1/3 กัป สมาธิอย่างกลาง ปุโรหิตพรหม มีอายุ 1/2 กัป สมาธิอย่างสูง มหาพรหม มีอายุ 1 กัป รูปฌาน 2 มีอยู่ 3 ชั้น สมาธิอย่างอ่อน ปริตตาภาพรหม มีอายุ 2 กัป สมาธิอย่างกลาง อัปปมาณภาพรหม มีอายุ 4 กัป สมาธิอย่างสูง อาภัสสราพรหม มีอายุ 8 กัป รูปฌาน 3 มีอยู่ 3 ชั้น สมาธิอย่างอ่อน ปริตตสุภาพรหม มีอายุ 16 กัป สมาธิยย่างกลาง อัปปมาณสุภาพรหม มีอายุ 32 กัป สมาธิอย่างสูง สุภกิณหาพรหม มีอายุ 64 กัป รูปฌาน 4 มีอยู่ 2 ชั้น เวหัปผลพรหม มีอายุ 500 กัป อสัญญสัตราพรหม มีอายุ 500 กัป สุทธาวาสพรหม มี 5 ชั้น เป็นภพของพระอนาคามี 1. อวิหา มีอายุ 1,000 กัป 2. อตัปปา มีอายุ 2,000 กัป 3. สุทัสสา มีอายุ 4,000 กัป 4. สุทัสสี มีอายุ 8,000 กัป 5. อกนิฏฐา มีอายุ 16,000 กัป อรูปพรหม มี 4 ชั้น 1.อากาสานัญจายตนพรหม มีอายุ 20,000 กัป 2.วิญญาณัญจายตนพรหม มีอายุ 40,000 กัป 3.อากิญจัญญายตนพรหม มีอายุ 60,000 กัป 4.เนวสัญญานาสัญญายตนาพรหม มีอายุ 84,000 กัป
พิจารณา ดูจะเห็นว่า เมื่อมีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น 1 พระองค์ ขณะที่พระองค์มีพระชนชีพอยู่ แสงสว่างของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ กระจายไปทั่วสากลจักวาลอย่างรวดเร็ว เหมือนกับสายฟ้าแลบ และแสงสว่างแห่งธรรมนั้นยังคงสว่างสไหวอยู่ เมื่อพระองค์ดับขันท์ ปรินิพพานแม้อายุขัยของภพมนุษย์นั้นจะเพียงน้อยนิด แต่แสงสว่างในธรรมนั้นก็ค่อยทยอยดับอย่างช้าๆ เริ่มต้นจากโลกมนุษย์นี้ก่อน แล้วทยอยดับไปยัง สวรรค์ชั้นจาตุ ชั้นดาวดึงส์ ชั้นยามา ชั้นดุสิต ชั้นนิมมา ชั้นปรมิน แล้วทยอยดับไปที่ รูปพรหมของฌานทั้ง 4 ซึ่งทยอยดับไปที่ละชั้น จนถึงสุทธาวาสพรหมทั้ง 5 ชั้นทยอยดับที่ละชั้น จนถึงอรูปพรหม ที่พระอริยะบางท่านเกิดอยู่ ถ้ายังไม่มีพระพุทธเจ้าพระองค์ใหม่บังเกิดขึ้นในโลก แสงสว่างของธรรมจากพระพุทธองค์นั้นเมื่อบังเกิดขึ้น แล้วทยอยดับจนหมดสิ้น ใช้เวลาเป็นแสนกัป รอจนพระพุทธเจ้าองค์ใหม่อุบัติขึ้นมาใหม่ในโลก แสงสว่างแห่งธรรมนี้ ไม่มีมนุษย์หรือเทพหรือพระพรหมองค์ใดจะกระทำได้ มีแต่เพียงพระพุทธเจ้าเท่านั้นจึงทำให้บังเกิดขึ้นได้
เปรียบเทียบอายุในอเวจีนรก 1 ปทุมนรก กับมนุษย์โลกได้ ดังมีในพระไตรปิฏกดังนี้ เมล็ด งา 1 เกวียน มีอัตรา 20 ขารี 1 ขารีเท่ากับ 256 ทะนาน เมื่อล่วงไป 1 แสนปีเอาเมล็ดงาออกจากเกวียน 1 เมล็ดทำจนหมดจากเกวียน ก็ยังไม่ถึง 1 อัพพุทะในนรกเลย การเปรียบเทียบ 1 อัพพุทะ ตามมาตรตราปัจจุบันอย่างคล่าวๆ 1 ทะนาน เท่ากับ 1 ลิตร 1 ลิตร เท่ากับ 1000 ลูกบาศเชนติเมตร เมล็ดงา 1 เมล็ด ประมาณ 1 มิลิเมตร ดังนั้น 1 เชนติเมตร เอาเมล็ดงาเรียงกันได้ 10 เมล็ด จะได้ 1 ลูกบาศเชนติเมตร จะมีจำนวน เมล็ดงา ประมาณ 10 X10 X 10 = 1000 เมล็ด จะได้ 1 ลิตรมีเมล็ดงาประมาณ 1000X1000 ประมาณ 1,000,000 เมล็ด จะได้ 1 ทะนานจะมีเมล็ดงาประมาณ 1,000,000 เมล็ด จะได้ 1 ขารีจะมีเมล็ดงาประมาน 256 X 1,000,000 ประมาณ 256,000,000 เมล็ด จะได้ 1 เกวียนจะมีเมล็ดงาประมาณ 20 X 256,000,000 ประมาณ 5,120,000,000 เมล็ด จะได้เวลาทั้งหมดเมื่อหยิบเมล็ดงาออกหมดเกวียน ประมาณ 100,000 X 5120,000,000 ปี ประมาณ 512,000,000,000,000 ปี ซึ่งยังไม่ถึง 1 อัพพุทะ แต่ก็ประมาณ 512,000,000,000,000 ปี หรือ 5.12 X 10**14 จึงเอาไปแทนค่าตามข้างล่าง 20 อัพพุทะ เป็น 1 นิรัพพุทะ 20**1 X 5.12 X 10**14 20 นิรัพพุทะเป็น 1 อพัพพะ 20**2 X 5.12 X 10**14 20 อพัพพะเป็น 1 อหหะ 20**3 X 5.12 X 10**14 20 อหหะเป็น 1 อฏฏะ 20**4 X 5.12 X 10**14 20 อฏฏะเป็น 1 กุมุทะ 20**5 X 5.12 X 10**14 20 กุมุทะเป็น 1 โสคันธิกะ 20**6 X 5.12 X 10**14 20 โสคันธิกะเป็น 1 อุปปละ 20**7 X 5.12 X 10**14 20 อุปปละเป็น 1 ปุณฑริกะ 20**8 X 5.12 X 10**14 20 ปุณฑริกะเป็น 1 ปทุมะ 20**9 X 5.12 X 10**14 และ 20**9 = 512,000,000,000 = 5.12 X 10**11 ดังนั้น 1 ปทุมะนรก ประมาณ 5.12 X 10**11 X 5.12 X 10**14 ประมาณ 26.2144 X 10**25 ประมาณ 2.62 X 10**26 หรือ 1 ปทุมะนรก ประมาณ 262,144,000,000,000,000,000,000,000 ปีมนุษย์โลก เมื่อ เปรียบเทียบปีมนุษย์ กับ 1 ปทุมะนรก และปีของมนุษย์กับ 1 กัป ดังที่คำนวณมาแล้ว จะเห็นว่า มีเวลายาวนานมาก ดังนั้นในตำราของพระพุทธศาสนาจึงกล่าวว่า ผู้ที่ตกนรกอเวจี ต้องทรมานอยู่ตลอดกัป หรือชั่วกัปชั่วกัลป์ เหมือนดังพระเทวทัต ที่ตกอเวจีนรก และจะหมดกรรมจากอเวจีนรกก็เกือบจะสิ้นสุดของกัปนี้ ทัง หมดนี้คงจะทำให้ท่านปลงสังเวช กับความโง่ หรือ อวิชชา ที่หาเบื้องต้นไม่ได้ ถ้ายังไม่ชำละอวิชชาออกไปด้วยปัญญา นิพพาน ก็ไม่รู้ว่าจะหาที่สุดได้เมื่อใด?
1
|