ท่านอาจารย์ชอบ ฐานสโมเพิ่นเล่าให้ฟังว่า บวชได้ ๒๐ พรรษาปีนั้น
อยู่จำพรรษาบ้านลิเตอะข้างดอยเชียงตองมีลูกสาวคนร่ำรวยมีหน้ามีตาในหมู่บ้านตำบลแถบนั้นยกย่องให้เป็นหัวหน้าผู้นำ
กำลังเป็นสาวอายุ ๑๙ย่าง ๒๐ ปี รูปร่างสวยงาม มาขอให้ลาสิกขาออกไปอยู่ด้วยกันเป็นสามีภรรยากัน
ก็ว่า“ อายุมากแล้ว ๔๐ กว่าปีแล้ว ออกไปจะทำอะไรได้ ”
เขาว่า “ ไม่ต้องทำอะไรมากหรอกดูแลการค้าขายกับพวกอังกฤษ ”
“ ค้าขายไม่เป็น ”
“ ฝึกหัดเอานิดหน่อยก็เป็นแล้ว ”
“ พูดจาฝรั่งไม่เป็น ”
“ ไม่เป็นไร เขามีล่ามชาวพม่าอยู่เงินกำไรทุนรอนไม่ต้องกังวลมีอยู่มากแล้ว ค้าขายสะสมอีกนิดหน่อยก็อยู่ได้แล้ว อย่างว่าไม่ได้ก็ขอให้มีลูกหญิงก็ได้มีลูกชายก็ได้สักคน แล้วจึงจะกลับ
เข้าบวชก็ตามใจ ”
ตกลงกันอยู่นานหลายวันหลายครั้งมีญาติผู้ใหญ่ของเขามาพูดจาช่วยสุดท้ายเขามาถามว่า
“ ลืมกันแล้วหรือ เคยทำบุญให้ทานบำเพ็ญมาด้วยกันลืมกันแล้วหรือ มาเสาะหาเห็นแล้วจะจากหนีไปอีกอย่างนั้นหรือ ”
“ ไม่ลืมหรอก ถ้าลืมก็ไม่มาที่มานี่ก็เพื่อจะมาบอกมาสอน
ให้รู้จักทานรู้จักศีล รู้จักภาวนาหาทางพ้นทุกข์ไปเสีย ”
อยู่จำพรรษาโปรดอีสาวน้อยคนนั้น ๒ปี จึงได้หนีมาเมืองไทย ผู้ข้าฯ ก็ถามว่า
“ ท่านอาจารย์อีน้อยนั้นเป็นเมียมาได้กี่ชาติแล้วครับ ”
“ นับแสนก็ยังไม่พอนับ ”
“ เป็นล้าน ”
“ อื่อ ”
“ เป็นคู่บำเพ็ญหรือครับ ”
“ อื่อ ”
“ เขาได้ธรรมะไหมครับ ”
“ โสดาบัน ”
“ ท่านอาจารย์แก้ไขปลดให้ ”
“ อื่อ ”
“ สบายไหมครับผม ”
“ ปลดห่วงปลดอาลัยได้ ”
“ ท่านอาจารย์คิดฮอดไม่ครับ ”
“ หายแล้ว ”
คัดจากธรรมประวัติหลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ
เดินทางเสาะหาครู สู่เมืองเหนือล้านนา