KAMMATAN.COM BOARD พุทธกรรมฐาน สติปัฏฐาน4 ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา แจกCDธรรมะ พาเที่ยววัด กรุณา Login เพื่อมองเห็นกระทู้ เพิ่มขึ้น ครับธรรมมะกับมนุษย์ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐาน ธรรมมะจากพระสงฆ์ สุปฏิปันโน เป็นข้อคิด และแนวทาง เพื่อเป็นแรงใจในการปฏิบัติภาวนาธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แบน ธนากโร วัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร
หน้า: [1]
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมะที่ถ่ายทอดโดย หลวงปู่แบน ธนากโร วัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร  (อ่าน 22070 ครั้ง)
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3605


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« เมื่อ: สิงหาคม 17, 2015, 01:09:41 PM »



"..ใครทำให้เราทุกข์ เราก็ไม่ชอบใจ สัตว์อืนๆเขาก็เป็นสัตว์โลกเหมือนกับเรา
มีจิตมีใจ มีความรู้สึกนึกคิดเหมือนเรา อะไรที่จะทำให้เขาเกิดความทุกข์
เราจึงอย่าไปทำ..เราประหารเขา เรานั้นล่ะจะต้องถูกเขาประหาร
เรียกว่ามันเป็นกรรมเป็นเวรที่จะต้องตามสนองชดใช้กัน ไม่มีที่สิ้นสุด..
การให้อภัยจึงมีความจำเป็น อโหสิต่อกัน..จึงให้มีเมตตา ไม่ผูกพยาบาท..
การจองล้างจองผลาญกันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครต้องการ เมื่อเราก็ไม่ต้องการ เราก็ละเสีย.."

หลวงปู่แบน ธนากโร
วัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 06, 2015, 08:35:16 AM โดย golfreeze » บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3605


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2015, 01:10:07 PM »

บุญคืออะไร
บุญ คือ การทำใจของเราให้สบาย ให้มีความสุข ให้สงบ ให้ใส ให้เย็น ให้สว่าง บุญ คือ การทำใจของเราให้สมบูรณ์ขึ้นมาด้วยศีลธรรม สิ่งใดเป็นประโยชน์แก่โลก แก่สังคมโลก อันนั้นเรียกว่าบุญได้ทั้งนั้น เพราะบุญ คือสิ่งที่สร้างสรรค์ การทำสิ่งที่สร้างสรรค์นั้นจึงเป็นการทำบุญ สำเร็จเป็นการบุญ

เรื่องการบริจาคทาน บุญที่จะเกิดขึ้นมากน้อย ขึ้นอยู่กับจิตใจของบุคคลผู้ทำ ไม่ต้องสมมุติว่ากองกฐิน ไม่ต้องสมมุติว่ากองผ้าป่า ก็สำเร็จเป็นการบุญ บุญกุศลมหาศาล

การทานมุ่งในการเสียสละด้วยความบริสุทธิ์ใจ ๑ คือไม่มีอะไรแอบแฝงอยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่ทานเพื่อมุ่งของตอบแทน ไม่ใช่ทานเพื่อมุ่งให้หน้าตาใหญ่โตอะไร ทานเพื่อเป็นการบูชา สิ่งที่เรานำไปบริจาคนั้น เป็นของที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรง คือได้มาด้วยความบริสุทธิ์ ๑ แล้วก็บุคคลที่รับไทยทานของเราก็เป็นบุคคลที่มีความบริสุทธิ์ ๑ ถ้าหากว่าความบริสุทธิ์สามส่วนนี้มารวมกัน ไม่ต้องเรียกว่าผ้าป่า ไม่ต้องเรียกว่ากฐิน เป็นบุญกุศลมหาศาลทั้งนั้น

หลวงปู่แบน ธนากโร
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3605


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2016, 10:18:53 AM »

สัจจธรรมแก้ความหลง******
อาศัย "ดิน น้ำ ลม ไฟ" แล้วก็สมมุติว่าเป็นคน สมมุติว่าเป็นตัวเป็นตนของเรา เขา
เป็นอย่างไรเขาก็เป็นอย่างนั้น เขาเป็นดินก็ไปเป็นดิน .....เป็นดินเขาก็ไม่รู้ เป็นน้ำเขาก็ไม่รู้....
ถึงสมมุติว่าเป็นพ่อเป็นแม่ก็ไม่เป็นอย่างที่สมมุติ เราๆ สมมุติว่าเป็นตัวเป็นตนมันก็ไม่เป็นอย่างที่สมมุติ เป็นของเราได้อย่างไร
ร่างกายสักแต่ว่าร่างกาย เขาจะรักษาความจริงไว้ตลอดกาล
"ใจ" ของเราเข้าไป "สมมุติ" เกิด "เวทนา" เป็นเรื่องของ "ตัวสังขาร" มันบีบบังคับให้เชื่อที่มันหลอก
ดินน้ำลม ไฟ เขาไม่รู้เรื่องอะไร มีแต่ "ใจ" ของเราเป็น "ผู้ลุ่มหลง"
ไม่มีอะไรมาหลอกเราหรอก "ใจ" ของเรา "มันโง่มันหรอกเรา" กิเลสที่ไหนมาหลอกเรา "ใจของเรามันโง่"
"มันไม่รู้ตามจริง" "มันไม่แจ่มแจ้ง" มันไม่ชัด
"ความอยาก" มันเกิดขึ้นมาเพราะ "ใจมันโง่" "ใจมันไม่ฉลาด" "ใจมันไม่มีสติปัญญา" มันหาเรื่องมาโกหกหลอกลวงเจ้าของเอง มันมัวเมา ฯลฯ
ใจมันโง่ ใจมันหลง เราจะมาหลงอะไร มันไม่มีโอกาส ตั้งอยู่เป็นตัวเป็นตนเลย ไม่มีแก่นสาร "คืนมันไป" "จิตก็สักแต่ว่ารู้อยู่" "หลงเงาเจ้าของ"
"การปฏิบัติธรรม" เพื่อ "กำจัดความหลง" ของใจ "ทำความสงบให้มาก" แต่ "อย่าไปพอใจในความสงบ" เท่านั้น
"สมถะวิปัสสนา" ต้องควบคู่กันไป "สมถะคือความสงบ" "วิปัสสนาคือเอาใจที่สงบนั้นพิจารณา"
"ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย" "พิจารณากองทุกข์กองนี้
ใจเพลิดเพลินไปกับมัน อย่าให้ใจว่าง อย่าปล่อยใจ ไปทางไหนมีแต่กระดูก เป็น "อารมณ์ของใจ"

หลวงปู่ แบน ธนากโร.
วัดดอยธรรมเจดีย์ ม. 3 ตำบลตองโขบ กิ่งอ.โคกศรีสุพรรณ สกลนคร
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3605


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2016, 09:46:36 AM »

"จิต" นี้ "ไม่ได้เกิดไม่ได้ดับ" พร้อม
"ภาวนาสงบ" หมายถึง ตัวสัญญา สังขารนั้นสงบ ถ้าไม่สงบ ตัวสัญญา สังขารนั้น ฟูขึ้นมา
เขาจะ สงบตัวลงไป หรือ เขาจะฟูขึ้นมา จิตของเรา ก็รู้ว่าสงบ จิตของเราก็รู้ว่าฟู หรือ รู้ว่าฟุ้ง
ความฟุ้งมันฟุ้งให้เราเห็น ความฟุ้งมันฟุ้งอยู่ตลอดกาล ตั้งแต่เราเกิดมา ฟุ้งมาประเดี๋ยวประด๋าว
มันก็ผ่านไป ความฟุ้งมันเกิดขึ้น ความฟุ้งมันก็ดับไป สัญญาเป็นของไม่เที่ยง
สังขารเวลามันดับไปแล้ว ไม่มีอะไรตกค้าง มันเกิดในใจตลอดเวลา เกิดมาแล้วก็ดับไป
สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็น "คำสมมุติ" เป็น "กิริยาอาการ" มีอยู่ในจิตใจ เอามาสมมุติเป็นสื่อกันเท่านั้น
"ความคิด" มันเกิดขึ้น "ความคิด" มันดับไป เราไม่ต้องไปพูด ความจริงมันเป็นอย่างนั้น
คนเกิด ไม่ต้องพูดว่าคนเกิด มันก็เกิดได้ คนแก่ไม่ต้องพูดว่าคนแก่มันก็แก่ได้ คนตายไม่ต้องพูดว่าตาย มันก็ตายกันทั้งโลก
ของจริงจะพูดหรือไม่พูด ของจริงมันก็เป็นไปอย่างนั้น

หลวงปู่ แบน ธนากโร.
วัดดอยธรรมเจดีย์ ม. 3 ตำบลตองโขบ กิ่งอ.โคกศรีสุพรรณ สกลนคร
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3605


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2016, 09:48:35 AM »

ทำไม? "มันเกิด" อยู่ไม่หยุด ๆ ๆ
"มันเกิด" มาจาก "จิต" อันเดียวนี้ มันเป็นมาตั้งแต่เกิด มันก็ยังเกิดไม่หมดเป็น
"ดู" ลงไปที่ "จิต" เพ่งเข้าไปที่ "จิต" เพ่งเข้าไป ๆๆๆ เพ่งเข้าไปหาจิต
เพราะมันเกิดจาก "ที่นี่" ทั้งนั้น "ตัวหลง" ก็ "จิตตัวนี้" หลง
ทำไม "จิตจึงหลง" เพราะ "จิตไม่เห็นตัวจิต" ความโลภ ความโกรธ ความหลง มันเกิดจาก "จิต" ตัวนี้
ถ้า "จิต" มันเห็น "จิต" ชัดแล้ว ความโลภ ความโกรธ ความหลง จะไม่มีในจิต
เพราะ "ธรรมชาติจริงๆ" จะไม่มี ความโลภ ความโกรธ ความหลง
เพราะเรา "ไม่เห็นจิต" ของเรา

หลวงปู่ แบน ธนากโร.
วัดดอยธรรมเจดีย์ ม. 3 ตำบลตองโขบ กิ่งอ.โคกศรีสุพรรณ สกลนคร


ขอบคุณข้อมูลจาก : FB : Supani Sundarasardula และ http://www.kammatan.com
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
golfreeze
ขอนอบน้อมในธรรมของ องค์พระพุทธเจ้า
Administrator
สุดยอดกัลยาณมิตร
*****

ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 67
กระทู้: 3605


golfreeze@packetlove.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #5 เมื่อ: เมษายน 05, 2016, 09:37:50 AM »



ดูจิต ทวนกระแสน้ำเป็นภาระหนักตลอดกาล ลามือลาเท้าจะต้องถูกกระแสน้ำพัดสู่ที่ต่ำทันที ต้องตะเกียกตะกาย ทุกอริยาบท ยืนเดินนอนนั่ง
ใจไม่สงบก็เพียงแต่ใจไม่สงบ ใจสงบก็เพียงแต่ใจสงบเท่านั้น
ต้องมีสติ อยู่ในขณะนั้น ยินดียินร้ายไม่ได้ อย่าไปเสวย สักแต่ว่า
ท่านสอนให้รู้ ความไม่สงบ อะไรเป็นเหตุ ความไม่รู้แจ้งในจิตของเรา
ท่านหมายถึง อวิชชา คือความรู้ชัดในจิตของเจ้าของ
เมื่อไม่รู้ชัดในจิต อะไรเกิดขึ้นที่จิต มันยึดติดทั้งนั้น
อุปาทานยึดทั้งนั้น ยึดสิ่งที่เกิดขึ้น ๆ ๆ ๆ
ถ้าหากเห็นชัดในจิตแล้ว อะไรเกิดขึ้นในจิต ก็สักแต่ว่า
ของเกิดมาดับ ก็มันเห็นชัดๆ สิ่งที่มันเกิดขึ้นแล้วดับไป
แล้วเราจะไปยึดสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเป็นเราได้อย่างไร ?
หลวงปู่ แบน ธนากโร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 05, 2016, 10:51:32 AM โดย golfreeze » บันทึกการเข้า

เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้ย้ำอยู่ที่เดิม หาทางปฏิบัติเจริญปัญญา เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อบรมสุขตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เที่ยวอุบล | ขายโรงงานสมุทรสาคร
หน้า: [1]
พิมพ์
กระโดดไป: