ถ้าหนทางที่แท้จริงยังมีอยู่ก็ย่อมบรรลุได้ แน่นอน แต่ความเจริญของปัญญาก็
อยู่ที่ยุคสมัยด้วย ยุคนี้คุณธรรมสูงสุดได้เพียงพระอนาคามีนะคะ แต่แค่พระโสดาบัน
ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้ว เพราะยุคนี้คนสะสมกิเลสกันมามาก มากไม่รู้กี่อสงไขย หน
ทางที่ถูกต้องยังเหลืออยู่ครบถ้วน ในช่วงก่อน พ.ศ. 3000 แต่ในเมื่อปัญญาของคนมี
ไม่ถึง เราก็ทำได้เพียงค่อยๆ ศึกษาให้เข้าใจ เพราะถ้าทำอะไรมากกว่านี้ เช่นไปปฏิบัติ
เดินจงกรม หรือไปนั่งสมาธิอะไรต่อมิอะไร ก็จะเป็นการสะสมความไม่รู้ให้ยืดยาวออก
ไปอีก
ตอนนี้ ในโลกมนุษย์ ยุคนี้เต็มไปด้วยสัทธรรมปฏิรูปค่ะ หนทางนั้นเริ่มถูกบิด
เบือน และเสริมแต่ง จนยากที่จะตัดความเป็นตัวตนในการปฏิบัติ จนตอนนี้อะไรๆ ก็
เป็นตัวตนในการปฏิบัติไปเสียหมด และไม่รู้ด้วยว่ากำลังยืดสังสารวัฏออกไป สะสม
โลภะในการปฏิบัติความนิ่งความสบายโดยไม่รู้ว่าการปฏิบัติธรรมเป็นหน้าที่ของปัญญา
ไม่ใช่เรื่องของท่าทางหรือตัวตนที่กระทำการสิ่งใด
ก็ไม่แปลกที่พระสัทธรรมจะเริ่มเสื่อมลงเรื่อยๆ เพราะไม่มีผู้สนใจศึกษา มีแต่ผู้เรียก
หาทางลัด สนใจการปฏิบัติที่ปฏิรูปเอาเองคิดเอาเอง โลภะทำให้ชอบง่ายๆ ไวๆสบายๆ
นิ่งๆ ร่มรื่นๆ โทสะทำให้ไม่ชอบศึกษาเพราะขี้เกียจและเบื่อ สมัยนี้การปฏิบัติก็เพื่อ
ได้ ไม่ใช่เพื่อละ แล้วถ้าใครไม่แสดงท่าทางปฏิบัติ ก็หาว่าเขาไม่ปฏิบัติธรรมซะอย่าง
งั้น
พระอรหันต์ ท่านก็จะมีแต่ในสวรรค์ในพรหมโลก ที่ศาลาสุธรรมาบนสวรรค์ ยัง
คงมีพระอรหันต์มาสอนธรรมอยู่เสมอ เทวดาที่สะสมนิสัยการฟังธรรม ก็จะได้ฟังธรรม
ไม่มัวเพลิดเพลินชมสวนสวรรค์ และนางฟ้า
แต่ในโลกมนุษย์ หาพระอริยบุคคลยากมากๆ ถึงเจอ ก็มองข้ามกัน เพราะ
ท่านสอนตรง สอนละเอียด สอนสิ่งที่ยาก เริ่มด้วยความไม่มีตัวตนในการปฏิบัติ
และเน้นเป็นปรกติในชีวิตประจำวัน
ขอบคุณคำตอบจากพี่ medulla :
http://www.dhammahome.com