|
|
|
|
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2008, 09:53:55 AM » |
|
5. รับพระราชโอรสกลับพระนครเมื่อได้ทราบข่าวพระราชโอรสคลอดยู่ในป่า พระเจ้าสุทโธทนะผู้เป็นพระราชบิดาก็จัดขบวนช้างขบวนม้ามารับพระราชโอรสกลับพระนคร นี่คนดีมีบุญญาธิการมาเกิดจะเกิดในป่าในดง เขาก็เอาม้าเอารถมารับกลับพระนคร ส่วนคนที่มีเศษบาปเศษกรรมมาเกิดเขากลับเอาถังขยะเข้าไปรับ หรือรีดใส่โถส้วม ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด ฉะนั้น บุญญาธิการเราควรจะสรรค์สร้าง อย่าดูถูกเรื่อบาปเรื่องกรรม เรื่องเศษบุญเศษบาป เศษกรรมกันนัก ควรจะสร้างสมเอาไว้ ถ้าเราชื่อบาป เชื่อกรรม และตั้งใจทำแต่กรรมดี ชาตินี้เราก็ชื่นอกชื่นใจ เป็นคนสบายใจตลอดชีวิต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2008, 09:55:10 AM » |
|
6. อสิตดาบสเยี่ยมพระราชโอรสเมื่อพระราชโอรสกลับมายังพระราชวังแล้ว ปรากฏว่าอสิตดาบสก็ได้เข้าเยี่ยม เมื่อพบพระราชโอรสผู้มีลักษณะบุญญาธิการ อสิตดาบนถึงกับทรุดตัวลงกราบ ทำให้พระเจ้าสุทโธทนะถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด เพราะอสิตดาบสนั้นเป็นที่เคารพของพระเจ้าสุทโธทนะอย่างยิ่ง เมื่อเห็นอสิตดาบสก้มลงกราบพระโอรสของตนก็แปลกพระทัยยิ่งนักจึงได้ตรัสถามอสิตดาบส ท่านอสิตดาบสก็บอกว่า? อย่าได้แปลกใจเลย บุญญาธิการของพระราชโอรสผู้นี้น่ะมากมายกว่าอาตมานัก ทำไมจะไหว้ไม่ได้ ได้ยินอสิตดาบสกล่าวเช่นนั้น พระเจ้าสุทโธทนะพระราชบิดา จึงกราบพระราชโอรสตามท่านอสิตดาบส
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2008, 09:56:35 AM » |
|
7. พราหมณ์ทำนายพระลักษณะต่อมาปรากฏว่า มีพราหมณ์จำนวน 8 คนด้วยกัน เข้ามาทำนายพระลักษณะของพระราชโอรส พราหมณ์ทั้ง 7 คน ยกสองนิ้ว มีแต่เพียงพราหมณ์หนุ่มผมดำเท่านั้นที่ยกขึ้นนิ้วเดียว จึงมีนัยยะว่า พราหมณ์ที่ยกสองนิ้วทำนายเป็นสองนัยว่า? ถ้าออกบวชก็จะเป็นศาสดาเอกของโลก และถ้าไม่ได้ออกบวชอยู่เป็นกษัตริย์จะได้เป็นจักรพรรดิราช ส่วนพราหมณ์หนุ่มผมดำผู้นั้นซึ่งยกขึ้นนิ้วเดียว ทำนายเป็นนัยเดียวว่า?พระราชโอรสผู้นี้จะต้องออกบวชอย่างแน่นอน พราหมณ์หนุ่มผู้นี้ที่ทำนายเป็นนัยเดียวนี้มีชื่อว่าอัญญาโกณฑัญญะ หนึ่งในปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ซึ่งต่อมาได้บรรลุดวงตาเห็นธรรมเป็นพระอรหันต์รูปหนึ่งในพระพุทธศาสนา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2008, 09:57:39 AM » |
|
8. พระมารดาสิ้นพระชนม์ต่อมาพระมารดา พระนางสิริมหามายาก็ถึงแก่ทิวงคตสิ้นพระชนม์ไป พระเจ้าสุทโธทนะผู้เป็นพระราชบิดา จึงได้จัดการแสวงหานางนมมาเลี้ยงดูพระราชโอรสต่อไป ผู้เลี้ยงพระราชโอรสนี้ให้แก่พระนางปชาบดีโคตมี ซึ่งเป็นน้าสาวของพระพุทธเจ้า และเป็นน้องสาวของพระมารดา ต่อมา พระนางปชาบดีได้เป็นมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะอีก แล้วก็ปรากฏว่าเป็นเหตุให้มีพระราชโอรสธิดาอีกสองคน เป็นหญิงหนึ่งคน ชายหนึ่งคน ชื่อ รูปนันทา และนันทะ แต่ปรากฎว่าพระราชโอรสสิทธัตถะได้สร้างความน่ารักน่าเลื่อมใส จึงทำให้ผู้เป็นแม่เลี้ยงนี่รักมากกว่าลูกตัวด้วยซ้ำ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2008, 10:00:34 AM » |
|
10. ศึกษาศิลปวิทยาต่าง ๆเมื่อพระราชโอรสอายุประมาณ 7 ขวบ พระราชบิดาก็ปรารถนาให้ลูกมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด จึงได้แสวงหาอาจารย์ผู้มีคุณธรรมที่สามารถถ่ายทอดคุณงามความดีให้พระราชโอรส พร้อม ๆ ไปกับให้การศึกษาศิลปวิทยาต่าง ๆ ไม่เหมือนกับพ่อแม่สมัยนี้ที่ปรารถนาให้ลูกได้แต่วิชาความรู้ ไม่สนใจคุณธรรม ไม่ให้จรณะ (ความประพฤติ) พระอาจารย์ของพระราชโอรสท่านนี้ ก่อนจะร่ำจะเรียนจะให้ลูกศิษย์นั้นเตรียมตัวค้นคว้าวิชาการอย่างดี และงดเว้นสิ่งที่จะเป็นเหตุทำให้จิตใจของลูกศิษย์ตกต่ำ ลูกศิษย์ก็เรียนเก่งมาก สอนอะไรไปก็จำได้หมด จนกระทั่งอาจารย์ไม่มีอะไรจะสอนให้อีกแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2008, 10:08:06 AM » |
|
12. พระบิดาหวั่นพระทัย พระเจ้าสุทโธทนะผู้เป็นพระราชบิดา เริ่มเห็นอาการของเจ้าชายสิทธัตถะ มักจะมีปกติชอบสงบ พระองค์เลยทรงหวั่นพระทัย ในสมองมองนึกถึงภาพเมื่อตอนเล็ก ๆ ก็ชอบไปนั่งสงบ เช่น ตอนไปแรกนาขวัญก็นั่งสงบที่โคนต้นหว้า และนึกถึงคำทำนายของพราหมณ์หนุ่มว่า พระราชโอรสนี้มีคติอันเดียว คือจะต้องออกบวช จึงทำให้ผู้เป็นพ่อคิดหาทางออกเฮือกสุดท้ายที่จะกักขังพระราชโอรสเอาไว้ให้อยู่สืบสันตติวงศ์แห่ง กบิลพัสดุ์ต่อไป จึงพยายามที่จะหาทางกักขังพระราชโอรสให้อยู่ครองเมืองกบิลพัสดุ์ให้จงได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2008, 10:09:02 AM » |
|
13. สร้างปราสาทสามฤดู พระเจ้าสุทโธทนะจึงทรงสั่งเหล่าเสนาอำมาตย์ข้าราชบริพารทั้งหลาย ให้จัดสร้างปราสาทที่สวยงาม เพื่อให้เป็นเครื่องล่อย้อมใจลูกชายให้ติดอยู่ พระองค์สร้างปราสาทขึ้นมาสำหรับสามฤดู 1. ปราสาทฤดูร้อน 2. ปราสาทฤดูฝน 3. ปราสาทฤดูหนาว ให้ประเล้าประโลมพระราชโอรสให้จงได้ สิ้นค่าใช้จ่ายหมดเท่าไรก็ไม่ว่า ขอเพียงแต่ให้พระราชโอรสเป็นกษัตริย์แห่งกบิลพัสดุ์เป็นใช้ได้ ซึ่งปราสาททั้งสามนั้นพระองค์ได้สั่งให้ประดับตกแต่งอย่างวิจิตรพิสดาร แต่อนิจจาเอ๋ย? สวนทางกันเสียจริงระหว่างลูกกับพ่อ พ่อต้องการให้ลูกอยู่ในวัง ลูกต้องการที่จะออกแสวงหาสัจจธรรม เห็นรั้ววังเป็นประดุจดังคุกและตาราง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
samarn
Global Moderator
กัลยาณมิตร ลำดับที่ 2
ได้รับการอนุโมทนาบุญ : 7
กระทู้: 215
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2008, 10:11:04 AM » |
|
15. อุปนิสัยของเจ้าชาย ภาพนี้เป็นภาพแห่งการแข่งม้าของเจ้าชายสิทธัตถะ ธรรมดาเมื่อมีแข่งขันอะไรก็ตามมักจะทรมานสัตว์เพื่อให้ตนเป็นฝ่ายชนะ เฆี่ยนตีให้มันวิ่งเร็ว ให้มันทำอะไรต่ออะไรคู่ต่อสู้อย่างเลวร้าย โดยหวังแต่จะเอาชนะลูกเดียว สิทธัตถะนั้นม้าก็มีฝีเท้าดี แต่ถ้าขืนไล่ตีให้วิ่งมันก็จะเหน็ดเหนื่อยและเจ็บปวด เจ้าชายไม่ปรารถนาเอาชัยชนะมาเป็นของตัวแล้วยื่นความเจ็บปวดรวดร้าวให้กับผู้อื่นเป็นอันขาด นี่คือนิสัยของสิทธัตถะ จึงพยายามชะลอดึงม้าเอาไว้ไม่ต้องการให้มันเหน็ดเหนื่อยเกินกำลัง ให้คนอื่นเขาคว้าชัยชนะไป เรื่องนี้เรามองกันให้ลึก ๆ จะเห็นว่า สิทธัตถะนั้นชนะกิเลส แต่แพ้ในการแข่งขันซึ่งเราพอจะมองเห็นได้ว่า เจ้าชายของเรามีจิตใจเมตตามากมายขนาดไหน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|