สร้างความตื่นเต้น ให้กับวงการศึกษาของบ้านเราไม่น้อย กับความสามารถเหนือคำบรรยายบนเวทีโลกของหนุ่มน้อยวัย 17 ฝนผู้นี้ ชนติ จันทรโชติชัชวาล ที่สามารถไปคว้าเหรียญทองโอลิมปิกชีวเคมีมาได้สำเร็จ จากผู้เข้าแข่งขัน 51 ประเทศทั่วโลก จำนวน 200 คน ด้วยคะแนนสูงสุดอันดับหนึ่งของโลก !!!
..หลังได้รับรางวัลชีวิตเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้างไหม ? ...เปลี่ยนไปบ้าง คือ มีคนรู้จักเรามากขึ้น เพราะมีการออกข่าวในสื่อต่างๆ และการประชาสัมพันธ์ของโรงเรียน ทำให้ทุกคนภาคภูมิใจในตัวเรา ขณะเดียวกันก็ทำให้ได้เพื่อนเพิ่มมากขึ้นด้วย ผมถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก..บอกกับเราพร้อมรอยยิ้ม
ชนติ หรือ บุ๊ค ชื่อเล่นที่รู้จักกันดีในกลุ่มผองเพื่อนและคนรู้จัก ปัจจุบันเขาเป็นนักเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แผนกการเรียนวิทย์-คณิต หากย้อนกลับไปถามถึงจุดเริ่มของความสำเร็จที่อยู่ในมือ ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งอันเป็นรากแก้วสำคัญของ ต้นกล้าต้นนี้ คงเป็นเรื่องของการได้รับความเอาใจใส่ บ่มเพาะดูแลฟูมฟักเป็นอย่างดีจากครอบครัว ซึ่งหนุ่มคนนี้บอกว่า มีส่วนสำคัญอย่างมาก
ท่านทั้งสอง (คุณสมชายและคุณกมลพร จันทรโชติชัชวาล) จะคอยสนับสนุนให้ผมได้ทำในสิ่งที่ชอบอยู่ตลอด ตั้งแต่เด็กๆ คุณพ่อคุณแม่จะหาซื้อหนังสือวิทยาศาสตร์ และสารานุกรมภาษาอังกฤษมาเก็บไว้ที่บ้าน ทำให้ผมมีความคุ้นเคยและเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือ นอกจากนั้นเวลาที่ทำอะไร ท่านจะคอยช่วยเหลือไม่ทางตรงก็ทางอ้อม คอยชี้แนะและสั่งสอนสิ่งที่เหมาะสมให้ตลอด
สำหรับวีรกรรมที่ไปสร้างปรากฎการณ์บนเวทีโลกครั้งนี้ เขาบอกว่า คงมิอาจเกิดขึ้นได้หากไม่มีการเตรียมความพร้อมที่ดีและได้รับการฝึกฝนอย่าง หนักมาก่อนหน้านั้น ผมสำนึกในพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระพี่นาง ที่ทรงจัดตั้งมูลนิธิสอวน.(มูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐาน วิทยาศาสตร์ศึกษา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์) ทำให้ผมมีความรู้ทางชีววิทยามากขึ้น คุณแม่ที่คอยให้กำลังใจและสนับสนุน คอยชี้แนะแนวทางในการแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ รวมถึง สสวท. และครูอาจารย์ทุกท่านที่ช่วยประสิทธิประสาทความรู้ให้ รวมถึงเพื่อนๆที่ส่งกำลังใจให้ตลอด ผมสามารถประสบความสำเร็จมาถึงจุดนี้ได้
ส่วนการเตรียมความพร้อมทางด้านร่างกายนั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการรับประทานอาหารโดยจะเน้นอาหารที่ช่วยบำรุงสมองและ สายตา โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่างๆ ขณะที่การเตรียมความพร้อมทางด้านจิตใจนั้น เป็นสิ่งที่เขาทำอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งก็คือ การนั่งสมาธิ ในระหว่างการแข่งขัน ช่วงที่สอบภาคปฏิบัติ วิชาชีวเคมี ซึ่งเป็นการสอบภาคปฏิบัติมีทั้งหมด 4 ส่วน ด้วยกันคือ สัตว์และระบบนิเวศ, พืช, จุลชีววิทยา และชีวเคมี ผมเกือบจะทำการทดลองไม่ทัน เพราะเสียเวลาไปกับการคำนวณอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง แต่ยังดีที่ผมควบคุมสติได้ และไม่ลน ทำให้สามารถทำการทดลองได้ทัน ซึ่งเป็นผลพวงของการนั่งสมาธิเป็นประจำ
เมื่อถามถึงกิจกรรมยามว่าง น้องบุ๊คบอกว่าก็มีชีวิตประจำวันเหมือนกับเด็กในวัยเดียวกัน นับตั้งแต่ดูภาพยนตร์ ฟังเพลงเกาหลี อ่านหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น เลยไปถึงการลงมือวาดการ์ตูนตัวเอกที่ชื่นชอบ แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้ เรียกว่า ต้องทำเป็นกิจวัตร นั่นก็คือ การศึกษาหาความรู้ด้านชีววิทยาเพิ่มเติมอย่างสม่ำเสมอ ผมคิดว่า งานอดิเรกที่ทำอยู่ มีประโยชน์เพราะนอกจากจะเป็นการฝึกภาษาต่างประเทศไปในตัว คือ ได้ทั้งภาษาเกาหลีและญี่ปุ่นแล้ว ยังได้ฝึกฝีมือในการวาดรูปซึ่งเป็นความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งของผมด้วย ที่สำคัญยังสร้างความผ่อนคลายให้ หลังจากที่ต้องเผชิญกับความเครียดในชีวิตประจำวัน
ส่วนเคล็ดลับในการท่องตำรับตำราเรียนให้ได้ผลการเรียนในระดับ 4.0 นั้น เขาบอกเคล็ดลับซึ่งเป็นเทคนิคที่ใครๆก็ทำได้ให้ฟังว่า เวลาเรียนต้องตั้งใจเรียน หมั่นทบทวนบทเรียนอย่างสม่ำเสมอ โดยเวลาทบทวนนั้น มิใช่ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง แต่ต้องทำความเข้าใจไปกับบทเรียน และคิดเชื่อมโยงสิ่งที่เรียนไปกับบทอื่นๆ หรือวิชาอื่นก็ได้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น และฝึกการคิด เช่น เรื่องกลไกการทำงานของหู ก็สามารถประยุกต์กับเรื่อง moment และเสียง ในวิชาฟิสิกส์ หรือ กราฟแสดงคุณสมบัติของ enzyme เราก็นำคณิตศาสตร์เข้ามาช่วยคำนวณต่อยอดเพื่อให้ได้ข้อมูลดีๆ เพิ่มเติมก็ได้ แต่หลักการเรียนที่สำคัญมาก คือ ควรแบ่งเวลาพักผ่อนให้เพียงพอด้วย ไม่ใช่เอาแต่เรียน จนขาดสังคม และการหาประสบการณ์ในชีวิต
ในฐานะที่เด็กรุ่นใหม่คนหนึ่งให้ความสำคัญ กับการเมืองและเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง? ยังคิดว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัวเกินไปไหมที่จะพูดถึง? ผมว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสังคมที่เราเป็นสมาชิกอยู่ หากเราติดตามและเข้าใจสถานการณ์ของการเมืองและเศรษฐกิจ ย่อมทำให้เราเป็นคนก้าวทันโลกและสังคม ในขณะเดียวกันก็ทำให้เราเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น และสามารถร่วมกันแก้ไขปัญหานั้นได้อย่างถูกต้อง
สุดท้ายก่อนร่ำลาจากกัน น้องบุ๊คฝากข้อคิดให้กับเพื่อนวัยเดียวกันไว้ว่า แต่ละคนนั้นย่อมมีความชื่นชอบและความถนัดที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านใดก็ตาม หากมีความพยายาม และตั้งใจทำสิ่งนั้นอย่างเต็มที่ ด้วยความสุจริต ทุกคนย่อมประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน..สำหรับผมในอนาคตฝันอยากเป็นนัก วิจัยทางด้าน molecular medical science ซึ่งเป็นสาขาย่อยเกี่ยวกับทางการแพทย์ (หมอวิจัยประเภทหนึ่ง) แต่ศึกษาลงลึกถึงกลไกระดับพันธุกรรม และกระบวนการทางเคมีใน cell โดยผมตั้งใจจะไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะเรียนต่อที่ Harvard University ครับ
เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของเด็กรุ่นใหม่ที่ พูดดี คิดดีและทำดี ที่น่าเอาเป็นแบบอย่าง