หลวงปู่สุพิศ กันตจาโร ที่วัดถ้ำพระภูวัว จ.บึงกาฬ

หลวงปู่สุพิศ กันตจาโร มีกุฎีอยู่บนก้อนหินใหญ่ ที่วัดถ้ำพระภูวัว จ.บึงกาฬ (วัดเดิมที่หลวงปู่อุทัย สิริธโร เคยจำพรรษาอยู่)
ใกล้กับทางเดินช้างมาก มีร่องรอยช้างเอางาขูดก้อนหินฐานกุฎีของหลวงปู่หลายรอย
หลวงปู่สุพิศ ใช้ชีวิตเป็นพระธุดงค์อย่างสมบูรณ์แบบ ท่านอยู่ในป่าถือธุดงควัตรมาตลอด ท่านเคยป่วยเป็นไข้มาลาเรียถึงสองครั้ง
ถูกงูกัดหลายครั้ง แม้แต่โรคมะเร็งหลวงปู่ก็ผ่านมาได้ แต่ก็ทำให้สุขภาพร่างกายของหลวงปู่ไม่แข็งแรงนัก

%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%87%e0%b8%9b%e0%b8%b9%e0%b9%88%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%9e%e0%b8%b4%e0%b8%a8
ในช่วงเดือน ตุลาคม 2559 หลวงปู่อาพาธเข้าโรงพยาบาลเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยโรคภูมิคุ้มกันทำลายเม็ดเลือดแดงตัวเอง
และละสังขารในบ่ายวันที่ 31 ตุลาคม 2559 สิริอายุ 66 ปี 41 พรรษา

14264831_1096470920479759_2629677387015674364_n
หลวงปู่สุพิศ กันตจาโร

%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%87%e0%b8%9b%e0%b8%b9%e0%b9%88%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%9e%e0%b8%b4%e0%b8%a88
หลวงปู่สุพิศ กันตจาโร มีกุฎีอยู่บนก้อนหินใหญ่ ที่วัดถ้ำพระภูวัว จ.บึงกาฬ

%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%87%e0%b8%9b%e0%b8%b9%e0%b9%88%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%9e%e0%b8%b4%e0%b8%a87
หลวงปู่สุพิศ กันตจาโร มีกุฎีอยู่บนก้อนหินใหญ่ ที่วัดถ้ำพระภูวัว จ.บึงกาฬ

%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%87%e0%b8%9b%e0%b8%b9%e0%b9%88%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%9e%e0%b8%b4%e0%b8%a86
หลวงปู่สุพิศ กันตจาโร มีกุฎีอยู่บนก้อนหินใหญ่ ที่วัดถ้ำพระภูวัว จ.บึงกาฬ

%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%87%e0%b8%9b%e0%b8%b9%e0%b9%88%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%9e%e0%b8%b4%e0%b8%a84
หลวงปู่สุพิศ กันตจาโร มีกุฎีอยู่บนก้อนหินใหญ่ ที่วัดถ้ำพระภูวัว จ.บึงกาฬ

%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%87%e0%b8%9b%e0%b8%b9%e0%b9%88%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%9e%e0%b8%b4%e0%b8%a85
หลวงปู่สุพิศ กันตจาโร มีกุฎีอยู่บนก้อนหินใหญ่ ที่วัดถ้ำพระภูวัว จ.บึงกาฬ

%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%87%e0%b8%9b%e0%b8%b9%e0%b9%88%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%9e%e0%b8%b4%e0%b8%a83
หลวงปู่สุพิศ กันตจาโร มีกุฎีอยู่บนก้อนหินใหญ่ ที่วัดถ้ำพระภูวัว จ.บึงกาฬ

%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%87%e0%b8%9b%e0%b8%b9%e0%b9%88%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%9e%e0%b8%b4%e0%b8%a82
หลวงปู่สุพิศ กันตจาโร มีกุฎีอยู่บนก้อนหินใหญ่ ที่วัดถ้ำพระภูวัว จ.บึงกาฬ

14990975_1301847279865810_2799177354224749103_o
สถานที่จัดงานเผาสรีระสังขารของหลวงปู่สุพิศ

14917264_1301843756532829_4960681431914672413_o
สถานที่จัดงานเผาสรีระสังขารของหลวงปู่สุพิศ

15002488_1301841586533046_5441299151552538565_o
สถานที่จัดงานเผาสรีระสังขารของหลวงปู่สุพิศ

15000842_1301840503199821_7701665616752087828_o
สถานที่จัดงานเผาสรีระสังขารของหลวงปู่สุพิศ

14991052_1301836959866842_1566428013530407286_o
สถานที่จัดงานเผาสรีระสังขารของหลวงปู่สุพิศ

14991481_1301837686533436_6839184487983788948_o
สถานที่จัดงานเผาสรีระสังขารของหลวงปู่สุพิศ

ประวัติหลวงปู่สุพิศ กันตจาโร 

หลวงปู่สุพิศ กันตจาโร หรือ “ปู่พิศ” นามสกุลเดิมของท่านคือ “กันทะเสน” ท่านเป็นคนบ้านหนองกุง ต.บงใต้ อ.สว่างแดนดิน
จ.สกลนคร  ท่านถือกำเนิดตรงกับวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๔๙๓ ท่านบรรชาอุปสมบทที่วัดประชานิยม ต.หนองหลวง
อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร  ขณะอายุได้ ๒๖ ปี เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๑๙ โดยมีหลวงปู่บุญมี ฐิตปุญฺโญ เป็นพระอุปัชฌาย์

หลังจากบวชแล้วท่านก็ศึกษาธรรมอยู่กับพระอุปัชฌาย์ของท่านและ ได้ไปวัดบ้านเกิดท่านปฏิบัติธรรมอยู่กับหลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม
ที่วัดป่าสีห์พนมธรรมาราม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร หลวงปู่สุพิศ ท่านได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ที่วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร โดยมีหลวงปู่อุทัย สิริธโรและหลวงปู่เสถียร คุณวโร เป็นศิษย์พี่ จากนั้นหลวงปู่สุพิศ
ท่านได้ธุดงค์ไปปฏิบัติธรรมที่วัดเจติยาคีรีวิหารหรือวัดภูทอก ธรรมสถานของหลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ
และวัดถ้ำพระบูชา(ภูวัว) ซึ่งสมัยนั้นหลวงปู่ทองคำ กาญจนวัณโณ ได้มาอยู่สร้างสำนักตามคำสั่งของหลวงปู่จวนแล้ว

หลวงปู่สุพิศ ท่านได้ติดตามครูบาอาจารย์มาปฏิบัติธรรมตามรอยหลวงปู่ฝั้น อาจาโร มาที่วัดถ้ำพระภูวัว เมื่อราว ปีพ.ศ.๒๕๒๒
หลวงปู่อุทัย สิริธโรและหลวงปู่เสถียร คุณวโร ได้มาอยู่ก่อนแล้ว ที่ภูวัวสมัยที่ท่านธุดงค์มา เรียกว่ายุคบุกเบิกเพราะที่ภูวัวกันดารมาก
ห่างไกลหมู่บ้านหลายสิบโล ลำบากเรื่องการออกรับบิณฑบาตและการขบฉัน ต้องเดินลุยป่ารกชัฏและพื้นหินดานอันลื่นด้วยตะไคร่น้ำ
และที่สำคัญคือสัตว์ป่า โดยเฉพาะช้างป่า

หลวงปู่สุพิศ ท่านมีกุฏิอยู่บนก้อนหินใหญ่ ใกล้ๆ กับบริเวณก้อนน้ำอ้อยที่ภาวนาเก่าของหลวงปู่ฝั้น
บริเวณกุฏิของท่านใกล้กับทางเดินช้างมาก เรียกว่าเป็นปากประตูทางเข้าออกของช้าง ระหว่างเขตวัดกับเขตผืนป่า
หินก้อนใหญ่ใต้กุฏิของท่าน จะมีล่องรอยช้างเอางาขูดก้อนหินฐานกุฎิของหลวงปู่หลายรอย ท่านเป็นพระที่มีจิตเมตตาไม่มีประมาณ
แม้แต่ช้างป่าที่ว่าดุร้าย ก็ยังสงบลงได้ด้วยเพราะเมตตาธรรมที่แผ่ออกมาจากจิตใจองค์ท่าน
ช้างป่าตัวที่สนิทกันกับท่านเรียกว่ายอมลงยอมวางมีชื่อว่า “สีดอ” เจ้าสีดอ ใจเย็นไม่ดุร้าย มักจะมาเยี่ยมหาหลวงปู่ที่กุฏิอยู่เสมอๆ
แม้นกระทั้งวันสุดท้ายแห่งการละขันธ์ของหลวงปู่สุพิศ เจ้าสีดอก็มาวกวนวนเวียนอยู่ในเขตวัดใกล้ๆ กุฏิหลวงปู่
เขาคงจะสื่อถึงองค์ท่านได้กระมั้ง ครูบาจารย์รูปนึงท่านพูดได้น่าสนใจว่า มันเป็นเสี่ยวกับเพิ่น(เพื่อนกับท่าน)เมื่อชาติก่อน
มันจึงได้สนิทสนมกับหลวงปู่พิศและมาเยี่ยมส่งท่านในครั้งสุดท้ายนี้

หลวงปู่สุพิศ ท่านใช้ชีวิตเป็นพระธุดงค์อย่างสมบูรณ์แบบ ท่านจะไปไหนมาไหนกับหลวงปู่เสถียร คุณวโรตลอด
เรียกว่าถ้าเจอหลวงปู่เสถียร ก็ต้องพบเห็นหลวงปู่สุพิศด้วยกันตลอด หลวงปู่เสถียร จะเรียกหลวงปู่พิศว่า “จารย์จ่อย”
ท่านทั้งสองเป็นพระที่ชอบธุดงค์กรรมฐานมาก ชอบอยู่ป่าเป็นวัตร เดินบุกป่าฝ่าดงไปทุกถ้วนทั่วสารทิศ
จนผิวพรรณของท่านทั้งสองคล้ำเข้มมาก แต่จิตใจของท่านทั้งสองนั้นใสมากนะ ใครๆ ได้พบเห็นก็จะตอบว่าจริงตามนั้น
ท่านทั้งสองมีเมตตาต่อศิษย์มาก ใครได้มาวัดถ้ำพระภูวัว ท่านทั้งสองจะเมตตาพาเดินเที่ยวป่า เพราะว่าเป็นคุณลักษณะนิสัยของท่าน
และท่านทั้งสองเดินไวมาก เรียกว่าโยมที่อยากตามไปด้วย มักจะเดินตามท่านทั้งสองไม่ทันกันเลย หลวงปู่สุพิศ
แม้ท่านจะเดินธุดงค์ไปกับหลวงปู่เสถียรอยู่บ่อยๆและแม้นจะสนิทสนมกันมาก แต่หลวงปู่สุพิศ
ท่านจะมีความเคารพในองค์หลวงปู่เสถียรมากๆ ท่านจะไม่นั่งอาสนะเสมอ จะนั่งเก้าอี้ที่เตี้ยกว่าห่างออกมา
หรือบางครั้งท่านจะนั่งกับพื้นหินแทนเลย เวลาใครมากราบไหว้ท่าน ท่านจะถามเจอปู่เถียรหรือยัง กราบปู่เถียรหรือยัง
ในชีวิตของหลวงปู่สุพิศ ท่านมีแต่ธรรม ผืนป่า ช้างป่า วัดป่า และวัตรปฏิบัติของพระป่าอย่างแท้จริง

หลวงปู่สุพิศ กันตจาโร ท่านเป็นพระสุปฏิปันโน สมควรแก่การกราบไหว้แลบูชา ท่านอยู่ในป่าถือธุดงควัตรมาตลอด
ท่านเคยป่วยเป็นไข้มาลาเรียถึงสองครั้ง ถูกงูกัดหลายครั้ง แม้แต่โรคมะเร็งหลวงปู่ก็ผ่านมาได้
แต่ก็ทำให้สุขภาพร่างกายของหลวงปู่ไม่แข็งแรงนัก ในช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ หลวงปู่อาพาธเข้าโรงพยาบาลเป็นครั้งสุดท้าย
ด้วยโรคภูมิคุ้มกันทำลายเม็ดเลือดแดงตัวเอง (autoimmune disorder) ที่ โรงพยาบาลบึงโขงหลง จ.บึงกาฬ
แต่อาการไม่ดีขึ้น ภายหลังท่านตัดสินใจกลับมารักษาตัวที่วัดและละสังขารอย่างสงบ

 


ขอบพระคุณข้อมูลจาก : FB Patcharaphong Wongjuang และ http://www.kammatan.com และข้อมูลจากพี่เอ : ท่องถิ่นธรรม พระกัมฐาน

Comments

comments